มุ่งเสริมสร้างธรรมาภิบาล พัฒนากฎหมายและจริยธรรม แพลตฟอร์มระดับชาติ โครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยไซเบอร์ ส่งเสริมนวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์ และเตรียมพร้อมบุคลากรรับการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

วันที่ 21 ส.ค.2566 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดการอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อรองรับการพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัล (Convergence Workshop on Digital Health System Development) ปี พ.ศ. 2566 พร้อมบรรยายพิเศษ “การยกระดับบริการสุขภาพด้วยดิจิทัล เพื่อคนไทยสุขภาพดี” ว่า ปัจจุบันประชาชนเข้าถึงระบบดิจิทัลและใช้อุปกรณ์ดิจิทัลในด้านสุขภาพมากขึ้น โดยพบว่ามีการใช้ smart watch เพิ่มขึ้น 22.2% ขณะเดียวกันก็มีความคาดหวังต่อระบบบริการภาครัฐเพิ่มขึ้น การยกระดับบริการสุขภาพด้วยดิจิทัล จึงเป็นประเด็นท้าทายสำคัญของการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทย ซึ่งต้องดำเนินการภายใต้ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการของประชาชน ทั้งนี้ จากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่าประชาชนมีความพึงพอใจแอปพลิเคชั่นหมอพร้อมมากที่สุด 3.38 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 อีกทั้งมีการจัดบริการการแพทย์ออนไลน์ใน รพ.สต.มากถึง 93.3% และในโรงพยาบาลชุมชน 86%

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด 19 ระบบบริการสุขภาพดิจิทัลต้องออกแบบให้สามารถบริการประชาชนได้ทุกที่ และใช้เทคโนโลยี เช่น หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยบริการและสร้างความเข้มแข็งให้ระบบ รวมทั้งนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อขับเคลื่อนระบบสุขภาพดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้น 6 ประเด็น ได้แก่ (1) การสร้างเสริมธรรมาภิบาลระบบสุขภาพดิจิทัล (2) การดำเนินการด้านกฎหมาย พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องและจริยธรรม (3) การพัฒนาแพลตฟอร์มระบบสุขภาพดิจิทัลระดับชาติและระบบนิเวศสุขภาพดิจิทัล (4) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของระบบสุขภาพดิจิทัล (5) การส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบสารสนเทศที่ทันสมัย นวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ และ (6) การพัฒนาคนให้พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่ระบบสุขภาพดิจิทัลอย่างยั่งยืน 

สำหรับการจัดอบรมฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดนโยบาย เสริมสร้างองค์ความรู้ สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัลของกระทรวงฯ ทั้งด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และการกำกับดูแลด้านดิจิทัล รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้เครือข่ายและแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อนำไปประยุกต์ใช้เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผู้ปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจากหน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกว่า 500 คน