จากกรณีที่นายวิเชียร กุศลมโนมัย หรือ ดีเจเพชรจ้า พร้อมด้วยที่ปรึกษากฎหมายเดินทางเข้าให้ปากคำในฐานะพยานและมอบเอกสารชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงินกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ โดยมี ร.ต.ท.เสฎฐวุฒิ สายป้อง ผอ.ส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 3 ดำเนินการสอบปากคำ ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 18 ส.ค.66 ร.ต.ท.เสฎฐวุฒิ สายป้อง ผอ.ส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 3 เผยว่า สำหรับสาเหตุในการออกหมายเรียกให้นายวิเชียรมาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากในการสืบสวนพบเส้นทางการเงินว่านายวิเชียร ได้รับโอนเงินจากนายอภิรักษ์ โกฎธิ โดยที่ไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ลงทุนกับ Forex-3D โดยก่อนหน้านี้ นายวิเชียรได้เคยชี้แจงเป็นหนังสือมายังพนักงานสอบสวนคดีพิเศษว่าได้ตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวแล้ว พบว่าเป็นเงินค่าจ้างที่ได้รับจ้างโพสต์ภาพเพจโชว์รูมรถซุปเปอร์คาร์ ของบริษัทอาร์เคเค ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีนายอภิรักษ์ โกฎธิ เป็นกรรมการ แต่จำไม่ได้ว่าผู้ว่าจ้างเป็นผู้ใด เนื่องจากเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัทอาร์เคเค ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งมี นายอภิรักษ์ โกฎธิ เป็นกรรมการนั้น เป็นตัวการสำคัญในคดี เนื่องจากมีส่วนในการสร้างความน่าเชื่อถือให้ผู้ลงทุนเชื่อมั่นว่าลงทุนแล้วจะได้ผลตอบแทนสูงจริง และอาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากคดี Forex-3D โดยใช้รถยนต์หรูเป็นเครื่องมือ ดังนั้น ประเด็นที่ว่าบุคคลใดเป็นผู้ว่าจ้างนายวิเชียรให้โพสต์ภาพจึงมีความสำคัญต่อรูปคดีและจำเป็นต้องสอบปากคำในประเด็นดังกล่าว
ร.ต.ท.เสฎฐวุฒิ เผยอีกว่า นายวิเชียรได้ให้การยืนยันคำชี้แจงที่ยื่นเป็นเอกสารมาก่อนหน้านี้ โดยได้ให้ความร่วมมือต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน รวมถึงได้ให้ข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเชื่อมโยงกับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมไว้ก่อนนี้แล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้นำมาวิเคราะห์ขยายผลโดยให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า ประเด็นที่ใช้สำหรับสอบถามนายวิเชียร มีสาระสำคัญอย่างไรบ้างนั้น ร.ต.ท.เสฎฐวุฒิ เผยว่า ส่วนใหญ่เป็นการสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่มาของเงิน ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบเรื่องเงิน 50,000 บาทได้ และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แต่เรื่องสำคัญคือพนักงานสอบสวนอยากรู้ว่าใครเป็นคนที่ติดต่อว่าจ้างให้โพสต์ภาพดังกล่าว ซึ่งในระหว่างการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ยังได้มีการแสดงรูปภาพให้ดีเจเพชรจ้าดู แต่ด้วยความที่ผ่านเวลามานานหลายปี เจ้าตัวจึงจำไม่ได้ ส่วนหลังจากนี้ตนอาจจะไม่ได้เรียกให้ดีเจเพชรจ้าเข้ามาให้ปากคำแล้ว ส่วนเรื่องหนังสือว่าจ้างโปรโมตโชว์รูมดังกล่าว ตนได้ข้อมูลแล้วว่าใครเป็นคนติดต่อว่าจ้าง ซึ่งพบว่าเป็นคนใกล้ชิดกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ และหลังจากนี้เราอาจจะออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวเข้ามาให้ข้อมูล เพราะเราต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตนขอบคุณที่เขามาให้ข้อมูล เพราะต้องเน้นย้ำว่าเขายังเป็นพยานในคดี
เมื่อถามถึงเรื่องเงิน 50,000 บาท ที่ดีเจเพชรจ้าได้อ้างว่ามีการยื่นภาษีกรมสรรพากร ร.ต.ท.เสฎฐวุฒิ ระบุว่า ในเรื่องนี้ พนักงานสอบสวนคงดำเนินการตรวจสอบอีกครั้ง นอกจากนี้ ในประเด็นสำหรับความสัมพันธ์รู้จักกันกับบุคคลอื่นๆของดีเจเพชรจ้า เราได้สอบถามทั้งหมดว่าเจ้าตัวเกี่ยวข้องกับใครในคดีบ้างหรือไม่ ซึ่งในส่วนที่เราสงสัยเขาก็ตอบได้ทั้งหมด และยืนยันว่าเราไม่ได้เรียกเจ้าตัวมาเพื่อคาดคั้นเอาความผิด แต่เรียกให้มาให้ข้อมูลเพื่อให้เราสามารถเชื่อมโยงไปยังบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง หรือคนที่นำเงินมาให้ดาราทำอะไร แสดงว่าคนที่นำเงินมาว่าจ้างก็ย่อมคาดหวังว่าดารารายใดก็ตามอาจจะทำอะไรได้มากกว่าคนปกติทั่วไป รวมถึงยังหมายความได้ว่าบุคคลที่ติดต่อทางข้อความมายังดีเจเพชรจ้า อาจจะมีความสำคัญต่อนายอภิรักษ์พอสมควร ไม่อย่างนั้นคงตัดสินใจแทนนายอภิรักษ์ไม่ได้
ทั้งนี้ ร.ต.ท.เสฎฐวุฒิ ระบุปิดท้ายว่า ตนไม่อยากให้มองแค่เรื่องเงิน 50,000 บาท เพราะอันนี้เป็นยอดจากรายการเดินบัญชี แต่อาจจะมีจากทางอื่นก็เป็นได้ แต่วันนี้ในข้อเท็จจริง เรายังพบแค่ยอด 50,000 บาท ซึ่งในเมื่อเขาไม่ได้เป็นผู้ลงทุน แต่รับจ้างรีวิวโพสต์ภาพ ในฐานะพนักงานสอบสวนก็ต้องตรวจสอบต่อว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง เพราะคือการเอาเงินของชาวบ้านหรือผู้ลงทุนมาจ้างคนนี้คนนั้นโปรโมตให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งเมื่อปี 2558-2562 แชร์ Forex-3D เกิดขึ้นแล้ว พนักงานสอบสวนจึงเล็งเห็นและเชื่อได้ว่าอาจเป็นเงินจากแชร์ Forex-3D อย่างไรก็ต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติม ส่วนเรื่องการกดติดตามในอินสตาแกรมของดีเจเพชรจ้า กับนายเอ็ดดี้ โพการี และนายอภิรักษ์ ยืนยันว่าเราตรวจสอบดูความสัมพันธ์ทั้งหมดแน่นอน