วันที่ 18 ส.ค. 66 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ดึงพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เข้ามาร่วมรัฐบาลด้วย ว่า เราคาดการณ์อยู่แล้วว่า จะต้องไปจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทย ยังไม่แถลงอย่างเป็นทางการ ตนคิดว่าการเมืองในปัจจุบันประชาชนต้องการความชัดเจน ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงไม่สามารถโหวตเพื่อเปิดช่องให้พรรคเผด็จการเข้ามาสืบทอดอำนาจต่อ แต่เราก็ไม่ได้ติดขัดคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เราติดที่ว่าหากเราโหวตให้แล้วพรรคเผด็จการจะได้โอกาสเข้ามาสืบทอดอำนาจต่อทันที สมการที่ไม่เอาลุงมาร่วมเป็นไปไม่ได้ เพราะจะได้แค่ 230 กว่าเสียง จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย การที่พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงไม่ได้เกินความคาดหมาย
เมื่อถามว่า จุดยืนเดิมของพรรคก้าวไกล ที่ระบุไว้ว่ายังไม่ปิดประตูรับพรรคเพื่อไทย กลับมาร่วมพรรคร่วมฯ 8 พรรคเดิม ขณะนี้ยังคงยืนยันเช่นนั้นอยู่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยังเหมือนเดิม ซึ่งก็ต้องมีการพูดคุยกัน ถ้าเราผูกอาฆาตผูกพยาบาท ก็จะเข้าเกมของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ต้องการให้แตกแยกแล้วปกครอง ตนคิดว่าถ้าเรายังพอกลับมาร่วมกันได้ก็ค่อยกลับมาถอดบทเรียน จะทำอย่างไรที่จะไม่หลงกลของฝ่ายอำนาจต่างๆ และร่วมมือกันปกป้องประชาชน ต้องยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก จะใช้อารมณ์ไม่ได้
เมื่อถามถึงกรณีเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาระบุว่าการที่พรรคเพื่อไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมรัฐบาลกันนั้น ถือว่าเป็นการจบ “สงครามสีเสื้อ” ซึ่งเป็นการยุติสงครามจริง หรือแค่ชั่วคราว นายวิโรจน์ กล่าวว่า คำว่า “สีเสื้อ” ไม่ใช่เรื่องของความอาฆาตพยาบาท แต่เป็นเรื่องของอุดมการณ์ทางการเมือง ที่ตอนนี้ประชาชนไม่พอใจ เพราะคุณทำลายอุดมการณ์ของตัวคุณเอง ที่เคยต่อสู้ร่วมกันกับประชาชน ถ้าการที่ตนใส่เสื้อสีหนึ่ง และอีกคนใส่เสื้อสีหนึ่งแล้วมาจับมือกัน ก็จะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่นี่มีอุดมการณ์ทางการเมือง และการต่อสู้ทางการเมืองที่มีคนบาดเจ็บล้มตายจริงๆ ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นเรื่องสาธารณะ
เมื่อถามถึงทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ จะเป็นไปในทางไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียง นายวิโรจน์ กล่าวว่า เคารพมติพรรค ว่าจะไม่โหวตให้ ไม่ได้ติดคุณสมบัติของนายเศรษฐา แต่เชื่อว่าการโหวตให้ในครั้งนี้จะเป็นการเปิดช่องให้เผด็จการได้สืบทอดอำนาจ ส่วนจะโหวตผ่านในครั้งเดียวหรือไม่นั้น เพราะทั้งสว. และสถานการณ์ที่พร้อมพลิกได้ตลอด นายวิโรจน์ กล่าวว่า สว. ไม่ได้พลิก เจตนาของเขาชัดเจนอยู่แล้ว เราต่างหากที่ไปหลงกล ตนคิดว่าวันนี้พรรคก้าวไกล มองเกมขาด
“สมมติโจรหลอกเราให้วางอาวุธลง ยอมให้ใส่กุญแจมือ มัดมือไพ่หลังเอาถุงดำคลุม แล้วบอกว่าจะไม่ทำอะไร แล้วขึ้นรถตู้ไปกับเรา คุณคิดว่าโจรจะไม่ทำอะไรจริงหรือ” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนจะโหวตผ่านหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ตอบยาก ตนเชื่อว่าผ่านยาก แต่ตนขอพูดไว้ก่อนว่าหากคิดจะโทษคนอื่น แต่ไม่โทษตัวเองที่ไม่ยื่นข้างประชาชน ไปหลงเชื่อกลุ่มของคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ คุณก็จะหนีห่างประชาชนไปมากกว่าเดิม