เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 18 ส.ค. 66 ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ก็คงจะชัดเจนแล้วว่ามีทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จึงคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องงดออกเสียง ก็คงจะต้องเป็นไม่เห็นชอบ แต่ก็ต้องรอมติจากที่ประชุมส.ส. ในวันที่ 21 ส.ค.อีกครั้ง 

เมื่อถามว่า ในฐานะที่พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยเคยทำเอ็มโอยูร่วมกัน แต่ตอนนี้แยกทางกันแล้ว และทางพรรคเพื่อไทยมีการจับมือกันพรรค 2 ลุง รู้สึกผิดหวังหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็พอคาดเดาได้เป็นระยะๆ เพราะสัญญาณก็เริ่มออกตั้งแต่พรรคเพื่อไทย​ เชิญ 2 พรรคลุงไปหารือที่พรรค และมีการดื่มช็อกมินต์ร่วมกัน เราก็เริ่มเห็นว่าอาจจะมีการเข้าร่วมรัฐบาลกัน พอเดาทิศทางได้ แต่ก็รู้สึกผิดหวัง ไม่คิดว่าจะมาถึงวันนี้ เพราะเราคิดว่าถ้าเราจับมือกันแน่นก็ยังพอต่อสู้กับอำนาจนอกระบบได้

เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองอย่างไรบ้างที่มีการใช้คำว่า “รัฐบาลแห่งชาติ” เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ถ้าประเทศจะเดินหน้าไปได้ก็สามารถออกได้หลายทาง ไม่ใช่ทางนี้ แต่ถ้าจะเป็นการยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจริง เราก็ยินดีด้วยว่าทั้ง 2 ฝั่งไม่ต้องมาทะเลาะกัน แต่ถ้าเป็นรัฐบาลแห่งชาติจริงก็คงจะไม่สร้างคู่ขัดแย้งใหม่ขึ้นมาคือไม่ทะเลาะกับพรรคเพื่อไทยแล้ว แต่มาทะเลาะกับพรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่า หากต้องถอยออกมาเป็นฝ่ายค้าน พร้อมทำหน้าที่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็เริ่มทำแล้ว พร้อมทำงานเต็มที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน ถึงไม่ได้เป็นรัฐบาล ประชาชนก็ยังเข้าใจ และให้กำลังใจมาโดยตลอด ได้ยินแบบนี้เราก็มีกำลังใจทำงาน เริ่มทำงานฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ งานในสภาฝ่ายนิติบัญญัติไม่จำเป็นต้องมีฝ่ายอยู่แล้ว ก็เดินหน้ายื่นกฎหมายเป็นระยะๆ ตอนนี้ก็เริ่มตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานรัฐตามปกติ 

เมื่อถามว่า ในวันนี้พูดได้หรือยังว่าพรรคก้าวไกล จะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็ต้องพูดคุยกัน เพราะณ วันนี้ สถานะของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังคงอยู่ระหว่างหยุดปฏิบัติหน้าที่สส. แปลว่าเราจะไม่มีหัวหน้าพรรคในสภา ดังนั้นเราจึงยังไม่รีบที่จะตัดสินใจว่า จะเอาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ รอให้คดีของนายพิธาคลี่คลายก่อน แล้วค่อยมาคุยกันดีกว่า 

เมื่อถามต่อว่า ถ้าเกิดการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จก่อน ประเมินไว้อย่างไรบ้าง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็ไม่มีผลอะไร สถานะของผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้มีผลต่อการทำงานในฐานะฝ่ายค้านเลย อาจจะมีผลในเรื่องการที่จะต้องเป็นตัวแทนอยู่ในคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ในเมื่อหัวหน้าพรรคเรายังไม่ได้เข้าสภา เราจึงคิดว่ายังไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องมีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน 

เมื่อถามว่า ประเมินว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ จะอยู่เป็นเวลาเท่าไหร่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ในแง่ดีคือพรรคเพื่อไทยเคยระบุว่า ถ้าสามารถร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งสำเร็จ ก็จะยุบสภาทันที กรอบเวลาก็ค่อนข้างชัดเจน ขึ้นอยู่กับอายุของสสร. ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ แต่ก็ต้องให้โอกาสรัฐบาลใหม่ได้ทำงานดูว่าจะมีข้อขัดแย้งอย่างไรหรือไม่ ที่อาจนำไปสู่การยุบสภาก่อนโดยไม่ต้องรอให้รัฐธรรมนูญแก้เสร็จ แต่ไม่ถึง 4 ปีแน่นอน แต่หากเกินคือมีเจตนาที่จะยืดระยะเวลาออกไป 

เมื่อถามว่า มองการโหวตนายกฯ ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ไว้อย่างไรบ้าง จะผ่านหรือไม่ผ่าน น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เดายาก เพราะตอนนี้เรานั่งอยู่วงนอก ได้แต่คอยดูว่าจะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่ามีสว. บางส่วนที่ออกมาพูดว่าอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่เชื่อว่าคงไม่ใช่สว. ทั้งหมดยังเอาใจช่วยให้การโหวตนายกฯ ครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี 

เมื่อถามว่า คิดว่าสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำในตอนนี้จะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เราต้องเคารพการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย การตัดสินใจอะไรไปต้องมีผลที่ตามมาแน่นอน เราได้พูดไปแล้วว่า การตัดสินใจครั้งนี้มีราคาที่ต้องจ่ายสูง การที่ไม่ฟังเสียงประชาชน และหันหลังให้กับคำสัญญาที่เคยให้ไว้ มันก็คงต้องมีอะไรตอบแทนที่มากไปกว่าการจัดตั้งรัฐบาล ที่อยู่เบื้องหลังทำให้จำเป็นที่จะต้องทำ ก็พยายามทำความเข้าใจ