"บิ๊กตู่"พูดเป็นนัย รถไฟมีหลายขบวนไม่มีวันสิ้นสุด หัวขบวนดีไปได้ตลอด ถ้าไม่ดีล้มทั้งขบวน บอกฝาก "อนุทิน" สานงานต่อ "สมศักดิ์"ปัดฟื้น "กลุ่มวังน้ำยม" ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี หวั่นก่อขัดแย้งในพรรค แจงลงพื้นที่รับฟังปัญหาเกษตรกรไม่ใช่ตั้งก๊ก เพื่อไทยนัด "รวมไทยสร้างชาติ" หารือแนวทางร่วมรัฐบาล
เมื่อวันที่ 17 ส.ค.66 เวลา 08.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะอาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารมว.มหาดไทย ,นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม รักษาราชการแทนรมว.คมนาคม เดินทางตรวจราชการที่จ.สระบุรี โดยตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา ชุมทางถนนจิระ พื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ฯ สถานีรถไฟหินลับ ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างรับฟังบรรยายสรุป นายกฯ ได้กล่าวว่าให้ผู้มีรายได้น้อยได้เข้าใจว่ารัฐบาลได้ทำอะไรให้เขาต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจนี่คืออนาคตประเทศ ซึ่งหลายๆอย่างทำมาได้ดีแล้ว ขึ้นอยู่กับรัฐบาลหน้าทำอะไรได้มากกว่า ซึ่งรัฐบาลวางยุทธศาสตร์ไว้แล้ว ต้องขอบคุณกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งมีหลายเรื่องเดินตามยุทธศาสตร์ชาติไม่ใช่ไปห้ามใครทำอะไรอยากจะทำอะไรก็ทำไปตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ 6 ข้อ ก็สามารถทำได้หมด เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า และทั้งหมดตอบคำถามได้ก็จบ ไม่ได้ไปห้ามให้ทำอะไร ยุทธศาสตร์ชาติสามารถปรับได้ตลอดเวลา ถ้าไม่มียุทธศาสตร์ชาติก็จะเดินสะเปะสะปะไป ซึ่งก็แล้วแต่แล้วกัน หลายคนก็บอกว่ามีไว้ทำไม ขอให้อ่านดูก่อนทุกเรื่องถ้าไปจับเล็กๆน้อยๆก็ไม่เข้าใจกัน ต้องอ่านกฎหมายก็ต้องอ่านให้หมด
จากนั้น นายกฯ ขึ้นขบวนรถไฟหมายเลข 3 บชส.1221 จัดเฉพาะระยะทาง 300 เมตร ไปยังบริเวณอุโมงค์ผาเสด็จ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างอยู่บนรถไฟว่า ไม่ได้นั่งมาหลายปีแล้ว ซึ่งเราชอบขนมอาหารที่ขายข้างทางรถไฟ เช่น ข้าวเหนียวเนื้อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกภูมิใจหรือไม่กับผลงานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องภูมิใจไปด้วยกัน ไม่ใช่จะว่ากันไปกันมามันก็จะไม่เสร็จ เมื่อถามว่า ถือเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายของรัฐบาลนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อะไรสุดท้ายมีตั้งหลายขบวน รถไฟมันไม่มีวันสิ้นสุดอยู่แล้ว ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าไม่มีวันสิ้นสุดอยู่แล้ว ถ้าทุกคนช่วยกันทำมันก็ไปข้างหน้าได้ มันถึงเกิดได้ไงฉะนั้นรถไฟยังมีหัวขบวน ถ้าหัวขบวนดีก็ไปได้ตลอด ถ้าหัวขบวนไม่ดีก็ล้มทั้งขบวน มันไปไม่ได้เข้าใจหรือเปล่า เข้าใจไหม
เมื่อถามว่า จะฝากไปถึงรัฐบาลใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ไม่ไปเกี่ยวกับเขาหรอก ก็เรื่องของเขาสิเราทำไว้ให้หมดแล้ว เมื่อถามว่า วันนี้ถือว่าอากาศดีแล้วใช่หรือไม่ เพราะบนท้องฟ้าพระอาทิตย์กำลังทรงกลด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เหรอ โชคดีของพวกเธอ ขอให้ประเทศชาติโชคดีด้วยก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า ถือว่าโครงการรถไฟนี้เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ใช่ ในเร็วๆนี้ก็จะเสร็จอีกหลายช่วง มันก็ไม่ง่ายนักการก่อสร้างอะไรแต่ละอย่าง ซึ่งจากเดิมวิ่ง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เวลานี้วิ่งได้ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตรงนี้เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ได้สรุปให้ฟัง การเดินทางจะเร็วขึ้น และจะไปเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงด้วย ที่จ.หนองคายคู่ขนานกันไปจะทำให้คอขวดจุดนี้หายไป เพราะก่อนหน้านี้ตรงนี้เป็นพื้นที่คอขวดที่เดินทางขึ้นเขาไม่ได้ การเดินทางช้า ขอให้ลงรายละเอียดจะได้เข้าใจกัน การที่เราพูดเยอะเพราะอยากให้ได้รับรู้รายละเอียด ถ้าจับตรงนั้นตรงนี้ของคนนั้นคนนี้มาพูดมันก็ตีกันอยู่อย่างนี้ สื่อก็ต้องช่วยกันหาเหตุผลว่ามันใช่หรือไม่ใช่ มันเป็นอย่างไรข้อเท็จจริงก็จะไม่ทะเลาะกันเข้าใจหรือไม่ สิ่งนี้ใครได้ประโยชน์ นายกฯได้หรือ ตรงนี้นายกฯไม่ได้ แต่คนที่ได้คือประชาชนรัฐบาลก็ต้องทำแบบนั้น ใช้งบประมาณให้เกิดความสมดุลพูดง่ายๆ เมื่อถามว่า เป็นการฝากไปยังรัฐบาลใหม่ด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ต้องฝากก็ส่งต่อไปบางอันอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและบางอันเป็นโครงการอยู่แล้วก็หวังว่าเขาจะทำต่อ
จากนั้นขบวนรถไฟได้เคลื่อนตัวออก ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า ขบวนรถไฟนี้ยังมีเสี่ยหนูนั่งอยู่ด้วย ขณะที่นายอนุทิน นั่งอยู่ด้านหลังนายกฯ ถึงกับหัวเราะเสียงดังชอบใจ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะต่อขบวนกันไปแบบนี้ไปตลอดหรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถาม เมื่อถามย้ำว่า จะฝากนายอนุทินไปสานงานต่อในรัฐบาลหน้าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากทุกคนนั่นล่ะ ฝากเสี่ยหนูก็ฝาก
เมื่อถามว่า ฝากไปถึงรัฐบาลหน้าด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไปถามนายกฯ ใหม่เขานู้น ทำให้นายอนุทินถึงกับหัวเราะ ก่อนที่นายอนุทินจะพูดกระเซ้านักข่าวพร้อมโบกมือ กล่าวอย่างติดตลกว่า ลาก่อย
จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบข้อสักถามผู้สื่อข่าวโดยปฏิเสธไม่ทราบกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมหารือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยจะพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยในวันที่เท่าไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า นัดคุยกันอยู่ ก็คงจะต้องคุยกับทุกพรรคให้เรียบร้อยก่อนมั้ง
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยมีความเห็นอย่างไร กรณีที่พรรคก้าวไกลเสนอให้ทบทวนมติที่ประชุมรัฐสภาที่ห้ามเสนอญัตติซ้ำในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังค้างอยู่ในวาระการประชุมรัฐสภา แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย นายอนุทิน กล่าวว่า ตามกฎหมายคำสั่งศาลใครจะกล้า เมื่อถามว่า ทุกอย่างต้องตกผลึกก่อนวันที่ 22 ส.ค.ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เขาเร่งหารือกันอยู่แล้ว
ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีสื่อแห่งหนึ่งวิเคราะห์นายสมศักดิ์ เดินสายเปิดตัวกลุ่มวังน้ำยมภาคใหม่ เพื่อหวังนั่งเก้าอี้ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ว่า ตนได้เห็นการวิเคราะห์ของสื่อมวลชนแห่งหนึ่งถึงประเด็นการรื้อกลุ่มวังน้ำยมกลับมานั้น ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะกรณีการวิเคราะห์ ที่พยายามเชื่อมโยงว่า ตนกำลังรวบรวมขุมกำลัง เพื่อต่อรองตำแหน่งนั้น ไม่เป็นข้อเท็จจริง และอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในพรรคเพื่อไทยได้ รวมถึงมีการนำรายชื่อ ส.ส.ที่ได้ร่วมลงพื้นที่ในหลายจังหวัดมานำเสนอให้ดูมีน้ำหนักว่า รวมกลุ่มกันต่อรองตำแหน่ง ซึ่งอาจส่งผลให้ส.ส.ได้รับความเสียหาย เพราะคณะยุทธศาสตร์การเกษตร พรรคเพื่อไทย ตั้งใจลงพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหา และนำไปสู่การแก้ไข โดยไม่ใช่เป็นการตั้งก๊ก หรือ รวมกลุ่มแต่อย่างใด
"การลงพื้นที่รับฟังปัญหาเกษตรกรของผมกับคณะยุทธศาสตร์การเกษตรพรรคเพื่อไทยนั้น ส.ส.ทุกคนมีความตั้งใจมากที่จะทำงานให้กับพรรคและสังคม ประกอบกับผมเป็นคนไม่เคยหยุดนิ่งตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งยันเลือกตั้งจบก็ทำงานรับฟังปัญหาของประชาชนมาตลอด จนเวลานี้จากการลงพื้นที่ก็สามารถทำให้พี่น้องประชาชนรับทราบว่าพรรคเพื่อไทยมีความใส่ใจในความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างมาก จึงรีบลงพื้นที่ เพื่อรวบรวมปัญหา และเตรียมนำเสนอต่อรัฐบาล ให้แก้ปัญหาต่างๆอย่างเร่งด่วน แต่การถูกนำไปวิเคราะห์ทางการเมืองในลักษณะนี้ ผมมองว่าไม่เป็นผลดี เพราะจะเป็นการทำให้คนทำงานในพื้นที่ต่างๆเสียกำลังใจ ผมจึงขอปฏิเสธตรงนี้ และขอยืนยันว่าไม่เคยไปตั้งกลุ่มตั้งแก๊งรวมก้อน เพื่อไปต่อรองตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น โดยมีแต่ช่วยกันลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชนเท่านั้น"
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนขอขอบคุณสื่อที่มีการนำเสนอข่าวและเรื่องราวดีๆของตนมาโดยตลอด แต่การวิเคราะห์ของสื่อมวลชนแห่งหนึ่งครั้งนี้ ทำให้ตนต้องรีบออกมาอธิบาย เพราะอาจจะส่งผลเสียให้กับเพื่อนสมาชิกส.ส. ที่ตั้งใจทำงานอย่างหนัก โดยการวิเคราะห์ที่พยายามเชื่อมโยงต่างๆนั้น ตนขอย้ำว่าไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย เพราะไม่เคยไปต่อรองตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น ซึ่งการแต่งตั้งรัฐมนตรีก็เป็นอำนาจของพรรคการเมือง ที่ต้องสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถพร้อมทำงาน โดยจะเห็นได้ว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจของพรรค ตนไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ตนทำได้ตอนนี้ คือทำงานในนามพรรคให้หนัก ในเรื่องที่ถนัด คือ การเกษตร เพื่อหวังว่า พี่น้องเกษตรกร จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ตนจึงขออย่านำความตั้งใจดีของ สส.ไปเชื่อมโยงทางการเมือง ให้เกิดบรรยากาศที่ไม่ดีขึ้น เพราะเหมือนจะเป็นการด้อยค่าการตั้งใจทำงานของเรา ที่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยนัดหารือกับพรรครวมไทยสร้างชาติวันนี้ ว่า ไม่ทราบ สำหรับความคืบหน้าการดีลจัดตั้งรัฐบาล เป็นอย่างไร เพราะใกล้จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 3 แล้วนั้น นายสุริยะ ย้ำอีกว่า "ไม่ทราบจริงๆ ครับ" เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาปลุกกลุ่มวังน้ำยมกลับขึ้นมาเพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี นายสุริยะ ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามต่อว่า ควรจะดีลเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีให้จบก่อนการโหวตนายกฯ หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีคนพูดคุยอยู่แล้ว ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง
นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ได้มีการประสานมายังพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วหรือไม่ ว่า ไม่ได้ประสานที่ตน แต่พรรคมอบหมายหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคดำเนินการเรื่องนี้ โดยสรุปวันนี้ยังไม่คืบหน้า ส่วนในวันที่ 18 ส.ค. ประธานรัฐสภานัดหารือตัวแทนทุกฝ่าย และจะนัดประชุมรัฐสภาในวันที่ 22 ส.ค.นี้ โดยมีวาระหลักคือการเลือกนายกฯ ขณะนี้จึงเป็นภารกิจของพรรคเพื่อไทย ที่รับช่วงต่อจากพรรคก้าวไกล ในการตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยควรทำภารกิจให้จบวันจันทร์ที่ 21 ส.ค.นี้ ไม่ใช่ไปคุยกันนอกรอบ ในการตั้งรัฐบาลจริงๆ ว่าจะมีนโยบายหลักที่ทุกพรรครับได้หรือไม่ รวมถึงการแบ่งหน้าที่ในคณะรัฐมนตรี ต้องแบ่งกันให้เสร็จ หากไปร่วมรัฐบาลกัน ไม่แบ่งงานกัน จะร่วมอย่างไร นี่คือหลักธรรมชาติ
เมื่อถามถึงกรณีวันนี้มีกระแสข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย นายวิทยา กล่าวว่า ตนก็ได้ยินเรื่องนี้จากสื่อ และยังไม่ทราบว่าจะเจอในส่วนไหนของสภา เพราะสภาใหญ่มาก พร้อมย้ำว่า สื่อมวลชนจะรู้เรื่องก่อนตนเอง เพราะทางพรรคได้มอบหน้าที่ให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเป็นผู้พูดคุย เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค มีสิทธิตัดสินใจเลยใช่หรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า ถูกต้อง ให้รอการรายงานของทั้งสองคน
เวลาเหลือน้อย เพราะล็อกวันแล้วว่าเป็นวันที่ 22 ส.ค. ฉะนั้นพรรคเพื่อไทยต้องเสนอชื่อนายกฯ ที่มั่นใจว่าคนที่จะเป็นต้องตัวจริงแล้ว ครั้งเดียวจบ ส่งเข้ามาต้องผ่านทุกฝ่ายรับได้ ไม่มีสิทธิแก้ตัว เพราะกฎหมายค้ำคอไว้แล้ว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ส่วนจะได้ข้อสรุปวันนี้หรือไม่ตนไม่รีบ เป็นวันจันทร์ก็ได้ เพื่อให้รอบคอบ แต่ถ้าจะให้ดีประธานรัฐสภาควรฟังสักนิดว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมวันไหนค่อยนัด อย่าเพิ่งกำหนดกดดันว่าต้องเป็นวันที่ 22 ส.ค. ดังนั้น ต้องรอพรรคเพื่อไทยว่าพร้อมตกลงเลือกนายกฯวันไหน ประธานรัฐสภาค่อยนัดทีเดียว เพราะหากไม่จบขึ้นมาจะยุ่งยากไปกันใหญ่ การเมืองจะเปลี่ยนไป ถ้าไหลจากคนที่เสนอชื่อคนแรก มาคนที่สอง คนที่สามจะเอาอยู่หรือไม่ แล้วมันก็จะไปถึงพรรคที่ 3 อีก จึงต้องรอความพร้อมของพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่า คุณสมบัติของ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เหมาะสม ในสถานการณ์นี้หรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ต้องรับฟังให้รอบคอบ เพราะไม่มีโอกาสแก้ตัว ส่วนนายเศรษฐาควรมาแสดงวิสัยทัศน์ในวันโหวตนายกฯ หรือไม่นั้น มองว่า