วันนี้ (17 ส.ค.) ที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก นาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เข้ายื่นหนังสือพร้อมกล่าวว่า นายเศรษฐา ไม่รู้จักบุคคลเหล่านี้ทั้งที่เป็นแม่บ้านและ รปภ.มีการปั่นหนี้มีการทวงเงินมัดจำและมีการทอนเงินกันไปแทบจะทุกบริษัทที่ขายให้กับบริษัทแสนสิรินั้นจ่ายเป็นบริษัทร้างทั้งสิ้นตัวอย่างเช่นบริษัทเอ็นแอนด์เอ็น และยังมีอีกหลายบริษัทที่จะนำมาเปิดเผย จึงได้นำเรื่องมาที่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ทำการสอบสวนเรียกตรวจสอบบริษัทแสนสิริบริษัทในเครือโดยนำเอกสารมาให้พิจารณาในฐานะเป็นตัวแทนของผู้เสียหายรวมทั้งตนเป็นผู้เสียหายด้วยเพราะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท บริษัทมหาชนต้องมีธรรมาภิบาลต้องตรงไปตรงมาสุจริตเที่ยงธรรม โดยฝากเอกสารทั้งหมดให้กับประธานกรรมการตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย
ในชีวิตยังบอกว่าทางตลาดหลักทรัพย์จะต้องพิสูจน์โดยไว เพราะผู้เสียหายคือผู้ถือหุ้นหากยังทำการชักช้าผู้ถือหุ้นย่อมเสียหาย
นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่าไม่อยากไปที่บริษัทแสนสิริโดยเรียก CEO มาเพราะตนมีสิทธิ์เนื่องจากถือหุ้นอยู่ 20,000 หุ้นและมีสิทธิ์ที่จะขอดูรายงานเบื้องต้นขอดูการจ่ายมัดจำ อันเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายผู้ถือหุ้นทุกรายการ การที่มายื่นที่ตลาดหลักทรัพย์เพราะเป็นตลาดหลักทรัพย์มีหน้าที่ดูแลบริษัทมหาชนทั้งหมดไม่อยากให้ใครไปเปลี่ยนฉายาตลาดหลักโกง
ด้านตัวแทนของกลต.ที่มารับเรื่องเปิดเผยว่าจะนำข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆที่นายชูวิทย์นำมาร้องเรียนไปตรวจสอบว่ามีมูลความจริงหรือไม่แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไรและจะใช้เวลาในการตรวจสอบนานแค่ไหน ก่อนจะปฏิเสธการให้ข่าวและออกจากการรับเรื่องร้องเรียนออกไป