เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 17 ส.ค. 2566 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางตรวจราชการ จังหวัดสระบุรี พร้อมคณะด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม รักษาราชการแทนรมว.คมนาคม จากนั้นเมื่อนายกฯ ถึงจุดจอด ฮ. โรงเรียนนายเรืออากาศ นวมินทกษัตริยาธิราช ตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีได้เดินทางต่อด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน กล 7376 สระบุรี 

โดยเวลา 08.45 น. นายกฯ ตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ ณพื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ฯ สถานีรถไฟหินลับ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีทั้งนี้ระหว่างรับฟังบรรยายสรุปนายกฯกล่าวว่า ให้ผู้มีรายได้น้อยได้เข้าใจว่ารัฐบาลได้ทำอะไรให้เขาต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจนี่คืออนาคตประเทศ ซึ่งหลายๆอย่างทำมาได้ดีแล้ว ขึ้นอยู่กับรัฐบาลหน้าทำอะไรได้มากกว่า ซึ่งรัฐบาลวางยุทธศาสตร์ไว้แล้ว ต้องขอบคุณกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทยและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งมีหลายเรื่องเดินตามยุทธศาสตร์ชาติไม่ใช่ไปห้ามใครทำอะไรอยากจะทำอะไรก็ทำไปตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ 6 ข้อ ก็สามารถทำได้หมด เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า และทั้งหมดตอบคำถามได้ก็จบ ไม่ได้ไปห้ามให้ทำอะไร ยุทธศาสตร์ชาติสามารถปรับได้ตลอดเวลา ถ้าไม่มียุทธศาสตร์ชาติก็จะเดินสะเปะสะปะไป ซึ่งก็แล้วแต่แล้วกัน หลายคนก็บอกว่ามีไว้ทำไม ขอให้อ่านดูก่อนทุกเรื่องถ้าไปจับเล็กๆน้อยๆก็ไม่เข้าใจกัน ต้องอ่านกฎหมายก็ต้องอ่านให้หมด

จากนั้นนายกฯ ขึ้นขบวนรถไฟหมายเลข 3 บชส.1221 จัดเฉพาะระยะทาง 300 เมตร ไปยังบริเวณอุโมงค์ผาเสด็จ โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างอยู่บนรถไฟว่า ไม่ได้นั่งมาหลายปีแล้ว ซึ่งเราชอบขนมอาหารที่ขายข้างทางรถไฟ เช่น ข้าวเหนียวเนื้อ 

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกภูมิใจหรือไม่กับผลงานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องภูมิใจไปด้วยกัน ไม่ใช่จะว่ากันไปกันมามันก็จะไม่เสร็จ เมื่อถามว่าถือเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายของรัฐบาลนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อะไรสุดท้ายมีตั้งหลายขบวน รถไฟมันไม่มีวันสิ้นสุดอยู่แล้ว ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าไม่มีวันสิ้นสุดอยู่แล้ว ถ้าทุกคนช่วยกันทำมันก็ไปข้างหน้าได้ มันถึงเกิดได้ไงฉะนั้นรถไฟยังมีหัวขบวน ถ้าหัวขบวนดีก็ไปได้ตลอด ถ้าหัวขบวนไม่ดีก็ล้มทั้งขบวน มันไปไม่ได้เข้าใจหรือเปล่า เข้าใจไหม

เมื่อถามว่าจะฝากไปถึงรัฐบาลใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ไปเกี่ยวกับเขาหรอก ก็เรื่องของเขาสิเราทำไว้ให้หมดแล้ว

เมื่อถามว่าวันนี้ถือว่าอากาศดีแล้วใช่หรือไม่ เพราะบนท้องฟ้าพระอาทิตย์กำลังทรงกลด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เหรอ โชคดีของพวกเธอ ขอให้ประเทศชาติโชคดีด้วยก็แล้วกัน

เมื่อถามว่าถือว่าโครงการรถไฟนี้เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าก็ใช่ ในเร็วๆนี้ก็จะเสร็จอีกหลายช่วง มันก็ไม่ง่ายนักการก่อสร้างอะไรแต่ละอย่าง ซึ่งจากเดิมวิ่ง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เวลานี้วิ่งได้ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตรงนี้เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ได้สรุปให้ฟัง การเดินทางจะเร็วขึ้น และจะไปเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงด้วย ที่จังหวัดหนองคายคู่ขนานกันไปจะทำให้คอขวดจุดนี้หายไป เพราะก่อนหน้านี้ตรงนี้เป็นพื้นที่คอขวดที่เดินทางขึ้นเขาไม่ได้ การเดินทางช้า ขอให้ลงรายละเอียดจะได้เข้าใจกัน การที่เราพูดเยอะเพราะอยากให้ได้รับรู้รายละเอียด ถ้าจับตรงนั้นตรงนี้ของคนนั้นคนนี้มาพูดมันก็ตีกันอยู่อย่างนี้ สื่อก็ต้องช่วยกันหาเหตุผลว่ามันใช่หรือไม่ใช่ มันเป็นอย่างไรข้อเท็จจริงก็จะไม่ทะเลาะกันเข้าใจหรือไม่ สิ่งนี้ใครได้ประโยชน์ นายกฯได้หรือ ตรงนี้นายกฯไม่ได้ แต่คนที่ได้คือประชาชนรัฐบาลก็ต้องทำแบบนั้น ใช้งบประมาณให้เกิดความสมดุลพูดง่ายๆ

เมื่อถามว่าเป็นการฝากไปยังรัฐบาลใหม่ด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ต้องฝากก็ส่งต่อไปบางอันอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและบางอันเป็นโครงการอยู่แล้วก็หวังว่าเขาจะทำต่อ

จากนั้นขบวนรถไฟได้เคลื่อนตัวออก ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่าขบวนรถไฟนี้ยังมีเสี่ยหนูนั่งอยู่ด้วย ขณะที่นายอนุทิน นั่งอยู่ด้านหลังนายกฯถึงกับหัวเราะเสียงดังชอบใจ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะต่อขบวนกันไปแบบนี้ไปตลอดหรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถาม 

เมื่อถามย้ำว่า จะฝากนายอนุทินไปสานงานต่อในรัฐบาลหน้าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากทุกคนนั่นล่ะ ฝากเสี่ยหนูก็ฝาก 

เมื่อถามว่า ฝากไปถึงรัฐบาลหน้าด้วยหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไปถามนายกฯใหม่เขานู้น ทำให้นายอนุทินถึงกับหัวเราะ ก่อนที่นายอนุทินจะพูดกระเซ้านักข่าวพร้อมโบกมือ กล่าวอย่างติดตลกว่า “ลาก่อย”