OR เผยภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 มีรายได้ขายและบริการ 385,122 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,732 ล้านบาท มุ่งสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ขยายธุรกิจไปในอุตสาหกรรมใหม่ๆ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2566 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทายท่ามกลางหลายปัจจัยเสี่ยงทั้งจากในประเทศ และต่างประเทศ  ระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงจากความกังวลต่อสภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยไตรมาส 2 ปี 2566 OR มีรายได้ขายและบริการจำนวน 187,708 ล้านบาท ลดลง 9,706 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ จำนวน 2,757 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 218 ล้านบาท   ส่วนผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2566 OR มีรายได้ขายและบริการ 385,122 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3,600 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 5,732 ล้านบาท ลดลง 4,681 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยสูงกว่าปกติ จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ผันผวนจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน สำหรับ OR ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแรงของธุรกิจหลัก (Core Business) เพื่อเป็นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันการสร้างยอดขาย และกำไรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม Energy Solution อาทิ ยางมะตอย น้ำมันอากาศยาน หรือผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants นอกจากนี้ ยังคงสานต่อการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนเพื่อบรรลุเป้าหมายใน 3 มิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวทาง SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการดำเนินธุรกิจของ OR ในครึ่งปีหลังมีปัจจัยที่อาจส่งผลการดำเนินการของ OR คือสภาพเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตทั้งจากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว จึงคาดว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังในกลุ่มธุรกิจ Mobility จะปรับตัวดีขึ้นตามการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle  โดยเฉพาะ Café Amazon ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากแผนการขยายสาขา เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Global ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคนี้หลังจาก COVID ช่วยให้ปริมาณขายน้ำมันและ Café Amazon เติบโตขึ้นในทุกประเทศเป็นสัญญาณบวก ทั้งนี้ OR  ยังคงมุ่งแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกันในการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างมั่นคง และได้เริ่มนำแบรนด์ไทยที่มีศักยภาพไปทดลองในตลาดต่างประเทศแล้ว เช่น การนำแบรนด์ “อ๊อตเทริ วอชแอนด์ดราย” Otteri wash & dry ไปเปิดสาขาแรกใน   PTT Station สาขา Chbar Ampov ถือเป็นการนำพันธมิตรของ OR ไปบุกเบิกตลาดร้านสะดวกซักในประเทศกัมพูชา เป็นไปตามพันธกิจในการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบของผู้บริโภค และยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจให้กับเครือข่ายสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ในประเทศกัมพูชา

นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลัง OR จะมุ่งเน้นการลงทุนที่สามารถต่อยอด Value Chain อย่างชัดเจนตามพันธกิจของ OR ได้ในระยะยาว และการสร้าง Synergy ร่วมทั้งจากภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาโอกาสการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านสุขภาพ และ ความงาม (Health & Beauty) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์กระแสหลัก เรื่องการเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) และกลุ่มประชากรในวัยทำงานที่จะถือเป็นกลุ่มหลักของคนในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มของการใส่ใจสุขภาพ และความงาม  โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนารูปแบบของการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสม และอีกอุตสาหกรรมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายคือด้านการท่องเที่ยวและที่พัก (Tourism & Accommodation) ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มสอดคล้องกับพันธกิจด้าน All Lifestyle ของ OR  ที่ต้องการเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งจะเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ขยายธุรกิจในกลุ่มธุรกิจ Global มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ OR ดำเนินการอยู่ โดยเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ และร่วมกับพันธมิตรในการขยายธุรกิจออกไปในต่างประเทศ ตลอดจนหาโอกาสในการสร้างการเติบโตผ่านการลงทุนใหม่ในรูปแบบต่างๆ ที่มีศักยภาพ โดยประเทศยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญของ OR คือประเทศกัมพูชาที่เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 รองจากประเทศไทย