เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 16 ส.ค. 66 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญขอขยายระยะเวลายื่นคำแก้ข้อกล่าวหา ครั้งที่สองออกไปอีก 30 วัน กรณีที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 1 ) และพรรคก้าวไกล(ผู้ถูกร้องที่ 2 ) ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ..เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ ว่า ข้อเท็จจริงคือทางผู้ร้องได้มีการยื่นเอกสารเพิ่มเติม เมื่อมีการยื่นเอกสารเพิ่มเติม เราจึงต้องนำตรงนี้มาพิจารณาเพื่อเขียนคำชี้แจงต่อไป เนื่องจากมีรายละเอียดที่เพิ่มเข้ามา จึงเป็นที่มาของการขยายระยะเวลา และเรื่องนี้จะเป็นคุณกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น ตนคิดว่าอยู่ที่กระบวนการ อยู่ที่ว่าเราจะมีโอกาสได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจอย่างไร แต่ยืนยันว่าเราทำถูกต้องทุกอย่างในการเสนอนโยบายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เกี่ยวกับนโยบายมาตรา 112
“แต่เรื่องนี้เป็นปัญหา เพราะว่าพรรคเราได้ที่ 1 ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา หากเราไม่ได้ที่ 1 ไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล กระบวนการในการกลั่นแกล้ง และการใช้นิติสงครามอย่างที่ทำกันอยู่คงไม่มาถึงจุดนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า การขยายเวลามีนัยยะทางการเมือง หรือจะนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังมั่นใจในเรื่องพยานหลักฐาน และการต่อสู้คดี ดังนั้น ตนยังไม่กังวลในเรื่องการยุบพรรค และยังมั่นใจว่ากระบวนการที่เราทำมาป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมาตรา 112 เคยมีการแก้แล้ว และแก้กันมาโดยตลอดคนท้ายๆ ที่แก้ล่าสุด คือคณะรัฐประหาร ดังนั้นการแก้มาตรา 112 ที่ผ่านมาก็ทำได้ อยากให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วย เราพยายามใช้กระบวนการปกติในการแก้กฎหมายเท่านั้น ไม่มีอะไร