เมื่อวันที่ 15 ส.ค.66 ที่เดอะล็อบบี้ โรงแรมเดวิส สุขุมวิท 24 กรุงเทพฯ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง กล่าวว่า วันนี้จะขอพูดถึงที่ดินแปลงทองหล่อ ว่าแสนสิริได้มานั้น มีที่มาอย่างไรบ้าง และการที่ตนพูดวันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองไม่มีเตะหมูเข้าปากหมา ตนเป็นประชาชนที่จะต้องวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะการวิพากษ์วิจารณ์มีการรับรองในรัฐธรรมนูญ อีกทั้งตนยังมีเอกสารคำฟ้องศาลสำหรับฟ้องร้องต่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายเศรษฐา ในข้อหาหมิ่นประมาทและแจ้งความเท็จ คิดค่าเสียหายแค่ 90,000 บาท ไม่ใช่ 500 ล้านบาท คำนวณแล้วตกวันละหมื่นบาท และตนเป็นเพียงบุคคลสาธารณะ แต่ว่าที่นายกรัฐมนตรี ประชาชนย่อมมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงตนก็ยังไม่เคยวิพากษ์เรื่องส่วนตัวของนายเศรษฐา และไม่เคยแตะต้องพรรคเพื่อไทยด้วย

“เริ่มต้นที่จำนวนที่ดิน 9 โฉนด ภายหลังเป็นคอนโดหรู ส่วนอีก 1 โฉนด เหลือเป็นที่ดินเปล่าภายในซอยทองหล่อ 12 อย่างไรก็ตาม ที่ดินแปลงทองหล่อนี้ เดิมเป็นของ แพทย์ประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.51 บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซื้อ บริษัทลูกทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 5 เม.ย.55 ดำเนินการจดจำนอง จำนวน 465 ล้านบาท ถัดมาวันที่ 11 ก.พ.58 บริษัทลูก ขายหุ้นบริษัท 100 ล้านบาท โดยมีขั้นตอนการตัดตอนให้เป็นบริษัทนอมินี ให้คนที่มีอาชีพเป็น รปภ. ของบริษัทแห่งหนึ่ง และเหตุใด จึงกู้เงินซื้อที่ดินทองหล่อถึง 1,000 ล้านบาท ทั้งๆที่มีอาชีพแม่บ้านเท่านั้น”

นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กฎของนายเศรษฐาคือให้ทุกคนกู้ได้หมด ทั้งแม่บ้าน ทั้ง รปภ. เพราะมีตัวอย่างแล้ว หากใครเดินไปทองหล่อไม่ต้องมีเครดิตอะไร เเล้วถ้าต้องการไปซื้อที่ดินแปลงใด ก็ให้ไปหาแสนสิริเพื่อขอกู้ จากนั้นเอาเงินไปจ่าย เงินที่เหลือเอาเก็บใส่กระเป๋าไป อย่างไรก็ตาม หากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้รับชุดข้อมูลจากตนในวันนี้แล้วขอให้พิจารณาเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีได้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีที่ดินแปลงใดที่แสนสิริซื้อตรง มีแต่ตั้งมอมินีไปดักซื้อกลางทาง อีกทั้งตนขอให้โอกาสนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้โทรบอกนายที่อยู่แดนไกลว่า นายเศรษฐา วันที่ 18 ส.ค.นี้คงไม่ไหวแล้ว ถ้ายังไหว ชูวิทย์คงพูดต่ออีก เพราะนายเศรษฐาโดนแฉว่าให้ รปภ. กับแม่บ้านกู้เงิน 1,000 ล้านบาท และอุ๊งอิ๊งก็คงไม่ไหว นายชัยเกษมก็ไม่ไหว และที่ตนพูดในกรณีนี้ ก็พูดโดยมีหลักฐานทั้งหมด พร้อมอยู่สู้ทุกชั้นศาล ไม่ว่าจะศาลฎีกาก็ตาม ตนจะฉีดยาฆ่ามะเร็งเพื่อขอสู้ต่อไป

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังระบุทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้ ตนจะไปยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบธรรมภิบาลของ บ.แสนสิริ และจะนำข้อมูลไปยื่นให้สมาชิกวุฒิสภาช่วยตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา โดยตนจะเดินทางไปที่รัฐสภา ยื่นหนังสือผ่านประธานรัฐสภา