บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) คว้างานใหม่ในสัญญาจ้างเหมา จัดหาวัสดุ และติดตั้ง งานไฟฟ้าและอุปกรณ์ โครงการซากุระ จากบริษัท จีซี เมนเทนแนนซ์ แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด มูลค่า 164.50 ล้านบาท หนุนงานในมือรอรับรู้รายได้เกือบ 1 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ยาว 3-5 ปี มั่นใจปีนี้รายได้โตทะลุเป้าหมาย 15-20% ฟากซีอีโอ "จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ" ระบุครึ่งปีหลังเดินหน้าประมูลงานใหม่ ส่วนใหญ่เป็นงานธุรกิจรับเหมาวางระบบไฟฟ้า งานวางระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท พร้อมรุกขยายไปงาน Oil & Gas คู่แข่งน้อย ช่วยดันมาร์จิ้นสูงขึ้น สนับสนุนการเติบโตก้าวกระโดดในอนาคต เผยครึ่งปีแรกมีรายได้แตะ 992.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 71.28 ล้านบาท
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) (JR) เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทฯได้เซ็นสัญญารับงานใหม่ประเภทงาน Electrical and Instrument Work for Sakura Project หรือ โครงการสัญญาจ้างเหมา จัดหาวัสดุ และติดตั้ง งานไฟฟ้าและอุปกรณ์ โครงการซากุระ จากบริษัท จีซี เมนเทนแนนซ์ แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด มูลค่าโครงการ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม: 164,500,000 บาท มีระยะเวลาดำเนินการ เริ่มวันที่ 17 สิงหาคม 2566 จนถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2567
ทั้งนี้การรับงานในโครงการดังกล่าวส่งผลให้ ปัจจุบันบริษัทฯมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมอยู่ที่ 9,777.50 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในระยะยาว 3-5 ปี และจะช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนยังมีงานที่รอการประกาศผลงานที่ยื่นประมูลแล้ว และมีโอกาสได้งานสูงอีกหลายโครงการ ทั้งงานโครงการขนาดใหญ่และเล็ก ซึ่งทำให้มั่นใจว่าในปีนี้ บริษัทฯจะมีรายได้รวมเติบโตระดับ15-20%ตามเป้าหมายที่วางไว้
"บริษัทฯมีแผนที่จะประมูลงานในครึ่งปีหลังกว่า 500 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นงานธุรกิจรับเหมาวางระบบไฟฟ้า งานวางระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับงานวางระบบไฟฟ้า งาน E&I ในส่วนของงานในอุตสาหกรรมพลังงาน รวมถึงมีแผนเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV ร่วมกับพันธมิตรมากขึ้น"
สำหรับการที่บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะรุกขยายเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV ร่วมกับพันธมิตร และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน Oil & Gas ที่มีการแข่งขันน้อยทำให้มีโอกาสรับงานเพิ่ม และยังสนับสนุนให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้นอีกด้วย ขณะเดียวกันจะช่วยผลักดันการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้บริษัทได้ลงนามในสัญญาโครงการซื้อระบบอุปกรณ์หม้อแปลง สำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้า กับ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด มูลค่าโครงการ 85.20 ล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญาและรับประกัน 1 ปี รวมทั้งบริษัทได้ลงนามในสัญญาโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงแยกลำสาลี-ถนนเทพารักษ์ กับ บริษัทชินโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) มูลค่าโครงการ 3,087.94 ล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยบริษัทมีระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1,260 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญาและรับประกัน 2 ปี
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวมเท่ากับ 992.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 71.28 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/2566 มีรายได้รวม 492.54 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 44.33 ล้านบาท