เมื่อวันที่ 15 ส.ค.66 ดร.สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว ระบุข้อความว่า

#เร่งทำประชามติสสร

รัฐธรรมนูญปราบโกงที่ใครบางคนอยากล้มแล้วร่างใหม่ ?

EP.2  รธน4มาตราสำคัญ หัวใจของมาตรการป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest)ที่อาจถูกยกเลิกไป

          หลักแนวคิดในเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของประเทศไทยถูกนำมากำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญหลายฉบับ แต่ยังคงมีปัญหาในความไม่ชัดเจนในหลายประการจนนำไปสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยที่ในบางประเด็นก็เป็นที่ยุติ แต่ในบางประเด็นก็ยังคงมีข้อถกเถียงกันอยู่ จากปัญหาดังกล่าวคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ2560 จึงได้ปรับปรุงหลักการป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ไว้ในเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ขึ้นในลักษณะเฉพาะไว้ในหมวด 9 การขัดการแห่งผลประโยชน์ในมาตรา184 – 187 ที่กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ตลอดทั้งคู่สมรสและบุตรของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา และบุคคลอื่นที่ดำเนินการในลักษณะผู้ถูกใช้ ผู้ร่วมดำเนินการ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา

       : สรุปสาระสำคัญของหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญได้ดังนี้

          1) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ดำรงตำแหน่งหรือหน้าที่ใดในหน่วยราชการใด ๆ ไม่รับหรือแทรกแซงหรือก้าวก่ายการดำเนินงาน ไม่รับเงินหรือประโยชน์ใด ๆ รวมทั้งไม่กระทำการใด ๆไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมอันเป็นการขัดขวางหรือแทรกแซงการใช้สิทธิหรือเสรีภาพของหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนโดยมิชอบ (มาตรา 184) * บทบัญญัติในลักษณะเช่นนี้เพื่อต้องการแบ่งแยกอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารออกจากกัน เพื่อป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์และการแทรกแซงการใช้สิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชน นอกจากจะใช้บังคับกับสมาชิกรัฐสภาทั้งสองแล้วบทบัญญัติของกฎหมายยังถูกนำมาบังคับใช้แก่คู่สมรสและบุตรของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา และบุคคลอื่นที่ดำเนินการในลักษณะผู้ถูกใช้ ผู้ร่วมดำเนินการ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาให้กระทำการในลักษณะเช่นเดียวกัน

          2) กำหนดข้อห้ามเพื่อป้องกันมิให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาใช้ตำแหน่งเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงระบบราชการในเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการประจำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ การเข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้เงินงบประมาณหรือโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐ รวมถึงการบรรจุแต่งตั้งโยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือนหรือการให้พ้นจากตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือ ของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม (มาตรา 185)

          3) กำหนดข้อห้ามเพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนและป้องกันมิให้ “รัฐมนตรี” แสวงหาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่เพื่อตนเอง และหรือของผู้อื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมอย่างไรก็ดี รัฐมนตรีสามารถเข้าไปเป็นกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินได้โดยไม่ถือว่าเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์

         *โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดข้อห้ามเพิ่มเติมสำหรับรัฐมนตรีว่าจะต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งอันเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมืองโดยมิชอบ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมตามที่กาหนดในมาตรฐานทางจริยธรรม(มาตรา 186)

          4) กำหนดมาตรการป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของผู้เป็นรัฐมนตรี ในส่วนที่เกี่ยวกับองค์กรธุรกิจที่รัฐมนตรีมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี โดยหลักการที่รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทใด ๆ และกำหนดให้รัฐมนตรีสามารถโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทให้นิติบุคคลเข้ามาจัดการทรัพย์สินและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นแทนได้ โดยต้องแจ้งให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ (มาตรา 187)

            เหตุผลและข้อมูลประกอบนี้คงเพียงพอที่ประชาชนไทยจะได้ช่วยกันพิจารณาว่า “จะคงความในมาตรา184 มาตรา185 มาตรา 186 และมาตรา187 เพื่อป้องกันการ ไม่ให้ สส สว รมต และคู่สมรส ไปแสวงหาผลประโยชน์ รวมถึงการแทรกแซงกระบวนการทำงาน อันจะสร้างความเสียหายให้แก่รัฐและผลประโยชน์ของส่วนรวม โดยปรากฎผลแล้วในหลายคดีสมดังฉายา “รัฐธรรมนูญปราบโกง “ หรือจะปล่อยให้เขาเร่งทำประชามติให้สสร.ไปร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่”

#คิดกันให้ดี

#ล้มรัฐธรรมนูญปราบโกง

#เพื่อปากท้องประชาชนหรือเพื่อใคร

ดร สมชาย แสวงการ

สมาชิกวุฒิสภา

15 สค 2566