จากกรณี เพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้โพสคลิปวีดีโอ ที่ กลุ่มบุคคลกำลังยืนโวยวายด่าทอด้วยคำหยาบคาย และไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาว่ากล่าวตักเตือนเรื่องเปิดเพลงเสียงดัง โดยได้มีชายเสื้อขาวพูดว่าจะตบเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้กล่าวว่าพันเอกยังไม่กล้าบุกเข้าไปในบ้านเขา พี่น้องเขาพันตำรวจเอก พลตำรวจเอกทั้งนั้น พร้อมทิ้งท้ายเอ่ยถึงนามสกุลหนึ่งออกมาคาดว่าเป็นนามสกุลของตำรวจ และได้มีไล่เจ้าหน้าที่จนเจ้าหน้าที่ต้องขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากตรงนั้น พร้อมระบุข้อความว่า ผบก.ภ.จว. ท่านน่าจะสกรีนและสั่งการมาหน่อย..   เป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่สายตรวจที่ปฏิบัติ เพื่อตรวจสอบตามการแจ้งร้องเรียนของประชาชน ว่าจริงเท็จแค่ไหนอย่างไร...ดังจริงหรือไม่หรือมีใครแกล้งครอบครัวพี่เค้า..ชาวบ้านแถวนั้นน่าจะรู้ดี อยากรู้จริงๆว่าพวกพี่เขาใหญ่จริงไหม กินเหล้าเปิดเพลงเสียงดัง ก็ความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ชาวบ้าน จนชาวบ้านระแวกนั้นต้องโทรแจ้งตำรวจ ให้มาช่วยบอกให้ช่วยเบาเสียงหน่อย แต่พอตำรวจมาถึงกับด่าและดูหมิ่นสารพัด #ตำรวจไทย #ตำรวจปากน้ำ ขอบคุณคลิป tt มีชาวเน็ตต่างพากันวิพากวิจารถึงพฤติกรรมสุดกร่างของครอบครัวนี้พร้อมกับตั้งคำถามว่ารู้จักนายตำรวจจริงหรือไม่และชาวเน็ตอยากรู้จักครอบครัวนี้มากขึ้น 

ล่าสุด วันที่ 14 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.เมือง สมุทรปราการ ไปพบกับ พ.ต.ท.ไมตรี บูรณทอง รอง ผกก.ป. สภ.เมืองสมุทรปราการ  และ ส.ต.ต.สุรวีร์ วีระชาติ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรายเดียวที่ไปในวันนั้น 

พ.ต.ท.ไมตรี บูรณทอง  รอง ผกก.ป. สภ.เมืองสมุทรปราการ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงกลางดึกวันที่ 12 สิงหาคม 66 ที่ผ่านมา หลังจากที่ทางตำรวจได้รับแจ้งเหตุวงสุราเปิดเพลงเสียงดัง เหตุเกิดภายในร้านสเต็กแห่งหนึ่ง ริมถนนสุขุมวิทขาออกใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสศรีนครินทร์  ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ จึงส่งสายตรวจ คือ ส.ต.ต.สุรวีร์ วีระชาติ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองสมุทรปราการ ไประงับเหตุ พอสายตรวจไปถึงก็พบวงสุราเปิดเพลงเสียงดัง จึงแสดงตัวและขอให้ลดเสียงเพลงลง ทำให้คนในร้านรวม 6 คนไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่สายตรวจมาตักเตือน จนปรากฏตามคลิปดังกล่าว ทำให้สายตรวจต้องล่าถอยและรีบรายงานกลับมายังผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชาจึงให้สายตรวจนำหลักฐานจากกล้องติดหน้าออกไปแจ้งความร้องทุกข์และลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวนเพื่อออกหมายเรียกกลุ่มบุคคลดังกล่าวมารับทราบข้อกล่าวหา

โดยเบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา คือ 1.ร่วมกันต่อสู้พนักงานขัดขวางเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ 2.ร่วมกันเปิดเพลงส่งเสียงดังอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันควรจนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อนจากการเปิดเพลงเสียงดังในที่สาธารณะ 3.ร่วมกันกระทำการใดต่อผู้อื่นอันเป็นการข่มเหงคุกคามหรือเดือดร้อนลำคาน 4.ร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ 5.ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตาม หน้าที่ 6.ร่วมกันทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้อื่นไม่ถึงกับอันรายร่างกาย ขณะนี้ตำรวจทราบตัวกลุ่มคนดังกล่าวแล้ว และอยู่ในขั้นตอนของการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา

ส.ต.ต.สุรวีร์ วีระชาติ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่สายตรวจที่เข้าไประงับเหตุ เปิดใจกับทีมข่าวเราว่า วันเกิดเหตุตนเองกับคู่ตรวจอีกคนไประงับเหตุทะเลาะวิวาทที่ซอยอุดมเดชแล้วมีการแจ้งเหตุซ้อนเปิดเพลงเสียงดังรายนี้เข้ามาตนเองจึงแยกจากคู่ตรวจออกมาเพื่อมาระงับเหตุที่จุดดังกล่าว พอมาถึงก็พบว่ามีการเปิดเพลงเสียงดังจริง จึงไปแจ้งว่าให้ช่วยเบาเสียงลงเนื่องจากมีประชาชนแจ้งเข้ามาแต่กลุ่มคนดังกล่าวกลับไม่พอใจและด่าทอโวยวายตามคลิป โดยอ้างว่ารู้จักกับคนใหญ่คนโต ขนาด พันเอก พันโท ยังไม่กล้ายุ่งกับกลุ่มคนดังกล่าว ตนเองจึงถอยกลับมาและรีบแจ้งผู้บังคับบัญชาให้ทราบ จนได้รับคำแนะนำจากผู้บังคับบัญชาให้แจ้งความดำเนินคดี ถามว่ารู้สึกยังไงกับเหตุการณ์ดังกล่าว ยอมรับว่ามีน้อยใจบ้างที่ตำรวจไทยต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่ด้วยการได้รับการฝึกให้เป็นตำรวจที่ดี คือต้องอดทนต่อความเจ็บใจ ซึ่งตนเองก็ยึดคำนี้ไว้ตลอด ถามว่าท้อไหม ตนเองไม่ท้อ และได้แรงบันดาลใจจากผู้กำกับท่านหนึ่ง ที่ระบุว่าตำรวจงานป้องกันเป็นตำรวจที่ได้ช่วยเหลือประชาชนได้ดีที่สุด และด้วยความที่ตนเองอยากช่วยเหลือประชาชนจึงตั้งใจเป็นตำรวจที่ดี

ต่อมาเมื่อช่วงเที่ยง ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ร้านสเต็กดังกล่าว ริมถนนสุขุมวิทขาออกใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสศรีนครินทร์ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ไปพูดคุยกับ นางอรพรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี และครอบครัวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ลูกสาวของนางอรพรรณ ได้เปิดคลิปจากกล้องวงจรปิด ตัวแรกซึ่งเป็นกล้องอยู่ในร้านสเต็ก พบว่ามีการเปิดเพลงเสียงดัง และมีการยืนเต้นและกินเลี้ยงกันอยู่ที่หน้าร้าน ก่อนจะเจ้าหน้าที่ตำรวจมา ได้ลดเสียงเพลงลง ก่อนจะมีการเอะอะโวยวายกัน จนเจ้าหน้าทีตำรวจออกไป กล้องอีกมุมซึ่งอยู่บริเวณหน้าร้านอาหารตามสั่ง จับภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาและมีการพูดคุยกับทางครอบครัวของนางอรพรรณ ประมาณ 4-6 คน ได้ตะโกนไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และโดยชายเสื้อขาวได้มีการพูดว่าตำรวจยศสูงยังไม่กล้ากับเขาเลย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขี่รถจักรยานยนต์ออกไป แต่เสียงเพลงภายในนั้นยังคงเปิดอยู่ 

ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ครอบครัวดังกล่าว ซึ่งมีนามสกุลเดียวกันกับ นางวนิดา อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ

นางอรพรรณ เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ บอกกับนักข่าวว่า วันเกิดเหตุ ขณะที่ตนเองและครอบครัวรวมประมาณ 20 คน กำลังสังสรรค์ดื่มฉลองกันอยู่ ที่หน้าบ้าน จังหวะนั้นพบว่ามีสายตรวจ มาเพียงนายเดียว มาแจ้งว่าให้ลดเสียงเพลงลง ตนเองก็บอกกลับไปว่าจะลดลงให้ ให้สายตรวจกลับไปเถอะ แต่สายตรวจคนดังกล่าวไม่ยอมกลับ และยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปในบ้าน ตนเองจึงมองว่ามีสิทธิ์อะไรที่มาถ่ายรูป ให้กลับไปก็ไม่กลับจนสามีออกมาพร้อมกับลูกๆ จนเกิดการปะทะกันในคลิป คืนนั้นถ้าสายตรวจออกไปตั้งแต่แรกก็จบแล้ว ครอบครัวตนเองไม่ใช่คนดื้อรั้นหรือครอบครัวที่มีอิทธิพลหรือนามสกุลดังอะไรเลย แต่มองว่าคุณมาตามใบสั่งใครหรือไม่ ตอนนี้ตนเองและครอบครัวมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะการนำคลิปไปลงจนได้รับความเสียหาย ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะเข้าพบผู้การจังหวัดเพื่อขอความเป็นธรรมด้วยเช่นกัน

ขณะที่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายเรียกจำนวน 4 ฉบับ ของพนักงานสอบสวนไปยื่นให้กับทางครอบครัวนางอรพรรณ เพื่อไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งทั้งหมดรับทราบและยอมรับหมายเรียกโดยจะเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันพรุ่งนี้