กรณีข่าวดัง ตายายร้องสื่อ 3 ชีวิตคนแก่ออกจากบ้านไม่ได้ เหตุที่อยู่อาศัยพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ถ.บางบอน 5 ซอย 7 เขตบางบอน กทม. กลายเป็นที่ตาบอด การเข้าออกตอนนี้ต้องขุดดินมุดรั้วลอดใต้กำแพงทางที่หมาเข้า เป็นภาพน่าเวทนา

รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 14 ส.ค. 66 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ นุ้ย หลานสาว, แม่วิมล-พ่อสง่า สามีภรรยา , ลุงวินัย พี่ของคุณวิมล , อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานการสอบสวน

เป็นหลานสาวหรือลูก?

นุ้ย : เป็นลูกแม่แอ๋ว วิมลค่ะ

ที่แปลงนี้ทั้งหมดเป็นของใคร มีกี่ไร่?

นุ้ย : 22 ไร่ค่ะ

เป็นที่ของใครตั้งแต่ทีแรก?

นุ้ย : เจ้าของที่ชื่อตาโทนกับยายจันทร์ เขาเป็นสามีภรรยากัน

วิมล : เขาเป็นยายตา ที่เป็น 2 ไร่ 2 งาน กับ 42 ตารางวา เขาแบ่งมรดกให้นางเจียน 6 ไร่ ให้นางเล็ก 6 ไร่ นายทวนน้องชาย นายทวนจัดการมรดกทั้งหมด ที่เหลือเป็นของเขา แต่แม่นางเล็กขายฝากให้นายทวน ก็เหลือไร่เดียว

ตัวป้าแอ๋ว วิมล เป็นลูกใคร?

วิมล : ลูกแม่เล็ก

ตาโทนกับยายจันทร์ มีลูก 3 คน คือเจียน เล็ก ทวน แบ่งมรดกให้จากที่ 22 ไร่ คนแบ่งคือทวน เป็นคนจัดการมรดก แบ่งให้ทุกคน ทวนได้มา 10 ไร่ เล็กได้มา 6 ไร่ เหลือ 1 ไร่ อีกคนคือเจียน ได้ทั้งหมด 6 ไร่เหมือนกัน ปรากฏว่าทั้งหมดมีลูก คือเจียน มีลูกคือ จุก แก้ว มะลิ แดง ชัย เชียน แจ๋ว เล็ก ลูกเยอะมาก บ้านนี้ก็ไปแบ่งกันเอง ส่วนลุงทวน มีลูกคือสมุทร ชูชาติ สงคราม ได้ไป 10 ที่เขาก็แบ่งให้ลูก ส่วนเล็ก มีลูกคือ วินัย ดนัย ตายไปแล้ว และวิมล ได้ที่ 6 ไร่เป็นที่มรดก แล้ว 6 ไร่ไปไหน ทำไมเหลือไร่เดียว?

วิมล : ขายฝากนายทวน แม่เรา (นางเล็ก) เป็นคนขาย

เขาก็มีที่ 15 ไร่ ของเราก็เหลือ 1 ไร่ แล้วเกิดอะไรขึ้น?

วิมล : ไม่มีทางออก เขาปิดกั้นล้อมหมด

ลุงทวนกับป้าเจียน ก็มีสิทธิ์เอาที่ไปทำอะไรก็ได้ ขายฝาก 5 ไร่ขาด ไม่ได้ไปไถ่เขาเหรอ?

วิมล : ไม่มีตังค์ ขายฝากไร่ละ 1,900 เอง เราไม่มีตังค์ ไม่มีกิน เราเด็กแค่ 3 ขวบในขณะนั้น

แม่เล็กล่ะ?

วิมล : แม่เป็นมะเร็ง นอนติดเตียง วินัยก็ไม่มีตังค์

ก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนใช้?

วิมล : จ๊ะ (ร้องไห้)

เท่าไหร่ในยุคนั้น

วิมล : หมื่นบาท (ร้องไห้) ไม่มีตังค์ บางวันอดข้าว ไม่มีข้าวกิน (ร้องไห้) ต้องกินมะพร้าว (ร้องไห้)

ที่ตรงนี้คือบางบอน ปัจจุบันที่ขึ้นไปเป็นหลักหลายล้าน ประเด็นคือในการแบ่งที่ ที่แปลงนี้ทั้งหมดเป็นของลุงทวน ซึ่งมีการแบ่งให้สมุทร สงคราม และชูชาติ ตรงจุดนี้ใครเป็นคนขายไป?

นุ้ย : ลุงทวนขาย

ลุงทวนตัดที่ดินตัวเองขายไปให้โรงงานแป้ง ลุงทวนเก่งมาก ตอนแบ่งที่ดิน เขาแบ่งถนนของเขาติดสองข้างเลย เขาขายข้างนึงไปแล้ว เขาก็ออกอีกข้างได้ เป็นไปตามกฎหมาย เพราะเป็นที่ดินมรดกที่เขามอบให้มา แต่ความซวยของเราคือที่แปลงนี้เป็นของนางเจียน นางเจียนก็ขายที่แปลงนี้ไปให้กับยายของพระรูปนึงไป ปรากฏว่าขายไปเสร็จที่แปลงนี้กลายเป็นของคนอื่นทันที มันก็เหลือญาติแค่นี้ แต่ปัจจุบันที่แปลงนี้ทำไมไม่ออก กลายเป็นตาบอด เป็นญาติกันทำไมไม่ออกทางนั้น?

นุ้ย : เขาขัดแย้งกันตั้งแต่สมัยรุ่นโน้นค่ะ

วิมล : แบ่งมรดกไม่เท่ากัน

นุ้ย : จนมาถึงปัจจุบันก็ไม่อยากทะเลาะกันอีก ก็เลยต่างคนต่างอยู่

เคยไปขอเขาออกมั้ย?

นุ้ย : เขาประกาศค่ะว่ายังไงก็ออกไม่ได้ เพราะพี่น้องตกลงกันแล้วไม่ให้ออก เราก็ไม่อยากเซ้าซี้

ตรงนี้เขาทำเป็นอะไร?

นุ้ย : เป็นบ้านเขาและเขยิบมาอีกนิดก็เป็นโรงรถทัวร์ของเขา

ถ้าคุณจะออก บ่อน้ำออกไม่ได้เหรอ?

นุ้ย : ไม่ได้ค่ะ เขาไม่ให้ออก

วิมล : แล้วมีรั้วลวดหนามล้อมรอบหลังบ้านเราหมดเลย

ที่ของพระ แบ่งให้ทำสวน เมื่อก่อนเราออกทางไหน?

วิมล : ข้างโรงแป้ง เมื่อก่อนฟ้องร้องเขาให้เมตรเดียวที่เดินออกจากที่พระ

ตอนไม่มีการฟ้องร้องก็ใช้ที่ 1 เมตรเดินออกไป?

วิมล : เดินแล้วมันหักเป็นตัวแอล คืบเดียวมันเดินไม่ได้ ก็จะขอใหม่เป็นเมตรครึ่ง เขาเฉยอยู่ หมายศาลเขียน 3 เมตร หนูบอกเอิร์ธเขียนทำไมขนาดนั้น

เขาให้ออก 1 เมตร?

วิมล : เจ้าของให้เมตรเดียว แต่ที่เป็นตัวแอล เราเดินไม่ได้

นุ้ย : ตอนแรกเลยไม่มีใครพูดเลยว่าให้ออกกี่เมตร เราก็เดินทางนั้นตลอดอยู่แล้ว

ไม่มีใครบอกให้เราใช้ แต่ข้อเท็จจริงตรงนี้ก็ถือเป็นที่ของเขา จนกระทั่งวันนึงเราไปฟ้องเขาใช่มั้ย?

วิมล : ฟ้อง เพราะเขาไม่ให้ออกแล้ว

เราฟ้องเขาว่าต้องการที่ทางออกมากกว่า 1 เมตร?

นุ้ย : ไม่ได้ขอมากกว่า 1 เมตรค่ะ บอกว่าขอทางออกทางนี้ได้มั้ย หนูจะขอเช่าที่ทางออกทางนี้ คนเช่าสวนบอกไม่รู้ไม่เห็นไม่ทราบ เบอร์อะไรไม่รู้ ก็เลยต้องขึ้นฟ้องศาล แล้วทีนี้ข้อความที่ขึ้นไปหาศาล เราบอกทนายว่าเราขอเมตรนึง ทนายบอกว่างั้นขอไปสัก 3 เมตรแล้วกันป้า เดี๋ยวศาลต้องลดลงมาอยู่แล้ว คงไม่ได้อยู่แล้วแหละป้า 3 เมตร ทางทนายก็เขียนขึ้นไปว่า 3 เมตร

คุณไปจ้างทนายให้มาฟ้อง แล้วจะเอาเท่าไหร่?

นุ้ย : ขอแค่เมตรนึง เมตรห้าสิบ เพื่อตรงข้อต่อที่มันหักออกมาเหลือศอกเดียว พอเอาหลักหมุดมาวัด ตรงข้อต่อนั้นเหลือศอกเดียว มันก็ออกไม่ได้ ต้องตะแคงตัวออก

ในบ้านมีผู้ป่วยมั้ย?

วิมล : อัมพฤกษ์ เบาหวาน ความดัน ติดเชื้อในสมอง สมองตีบ ทุกวันนี้พยายามพยุงตัว

มีใครนั่งรถเข็นมั้ย?

นุ้ย : ยังไม่มีค่ะ คุณพ่อเป็นวัณโรค ตอนนี้เป็นแล้วยังรักษาอยู่ คุณลุงก็กระดูกทับเส้น หนูธาลัสซีเมีย แล้วมีลูกเล็ก 1 คน ปกติหนูอยู่นั่น ต้องหอบลูกออกมาอยู่ข้างนอก

ไปฟ้องศาลเรื่องภาระจำยอม แล้วศาลท่านยกฟ้อง ปรากฏว่าทางพระหรือเจ้าของสวนเขาไม่แฮปปี้ใช่มั้ย?

นุ้ย : เขาก็ปิดเลย แต่เราไม่รู้ว่าเจ้าของที่ดินสั่งปิด หรือคนเช่าปิดเอง

พอทนายขอไป 3 เมตร ศาลก็ตีตกเลย ทางนั้นก็เลยโกรธปิดรั้วตรงนี้ ตอนนี้ออกไม่ได้แล้ว แล้วออกยังไง ออกทางกำแพง มีรูเล็กๆ ที่หมาขาวขุดเอาไว้ ทางบ้านเลยต้องมุดตรงนี้เพื่อไปเดินออกข้างโรงงานแป้ง เดินเลาะๆ ไป เป็นป่าละเมาะ โรงแป้งเขาไม่ว่าเหรอ?

สง่า : ไม่เห็นมีใครว่าอะไร เห็นหมาออกได้ ผมก็ออกตามหมา ผมไม่มีทางไป ไม่รู้จะทำยังไง จะเอาบันไดมาปีนรั้วเดี๋ยวจะเอิกเกริกเกินไป  

ทนายไปขอ 3 เมตร ก็กว้างเหมือนกันนะ เรามีการบอกทนายมั้ย?

นุ้ย : หนูพูดตลอดว่าไม่ได้หรอกพี่ ขอไปก็ไม่ได้หรอก เอาแค่ที่บอกนั่นแหละ เอาแค่เมตรนึงหรือเมตรครึ่ง

สง่า : ทนายคงคิดว่าศาลจะต่อรองหรือเปล่า

ปรเมศวร์ : ที่ศาลยกฟ้องเพราะมันเกินความจำเป็น ถ้าขอเมตรหรือเมตรครึ่งก็คงได้ เพราะศาลจะไปลดเองไม่ได้ ศาลต้องพิพากษาไปตามคำขอ ฝ่ายโจทก์ขอ 3 เมตร ถ้าศาลไม่ให้ 3 เมตร ศาลก็ต้องยกหมดเลย ศาลคงไม่มาบอกหรอกว่าให้ลด คดีแพ่งว่ายังไงก็สู้อย่างนั้น ฝั่งนั้นฟ้องกลับหรือเปล่า

นุ้ย :   ไม่ แต่เขาปิดเลย

ปรเมศวร์ : ตัดสินหรือยัง

วิมล : 30 ก.ค.

ปรเมศวร์ : ยังมีระยะเวลาอุทธรณ์ ขอไกล่เกลี่ยอีกรอบนึง ถ้ายืน 3 เมตรอย่างเก่าคงชนะยาก แต่กระบวนการศาล เขามีสมานฉันท์ ให้เจรจา พอฟ้องเสร็จเขาขอเจรจาชั้นอุทธรณ์ เจรจาได้ตลอดจนกว่าจะจบ ตอนเจรจาต้องเอาเจ้าของที่มา เราฟ้องใคร ฟ้องพระหรือใคร

นุ้ย : ขึ้นสำนวนเป็นพระ แต่พระมอบอำนาจให้เป็นแม่เขา เจ้าของที่ค่ะ

ปรเมศวร์ : ใครเป็นเจ้าของที่

นุ้ย : ประยงค์กับประยูรเป็นเจ้าของที่ เขามอบอำนาจสิทธิ์ให้นางจารุณี

ปรเมศวร์ : พระเคยมาเบิกความที่ศาลมั้ย

นุ้ย : เขามอบอำนาจค่ะ

ปรเมศวร์ : ไปศาลตรงนัดหรือเปล่า

นุ้ย : ไปศาลตรงนัด แต่ไม่เคยเจอ

ปรเมศวร์ : คนมาเบิกความฝั่งโน้นเป็นใคร

นุ้ย : เป็นทนายค่ะ

ปรเมศวร์ : ผู้รับมอบมาเบิกมั้ย

นุ้ย : ไปไม่ตรงกันค่ะ นัดไม่ตรงกัน

สง่า : เขานัดคนละนัด

ปรเมศวร์ : ปกติการไปศาลต้องได้เจอกัน คดีนี้พอฟ้องศาลนัดไกล่เกลี่ยก่อน มีมั้ย

วิมล : ไม่มี ยายไปทุกเที่ยวไม่เห็นเจอใคร

ปรเมศวร์ : มันน่าจะมี พอฟ้องคดีปั๊บ ศาลนัดสืบพยาน ก่อนนัดสืบพยานตรวจหลักฐานเขาจะนัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อน

วิมล : ยืนยันว่าไม่มี ผู้พิพากษาจะถามว่าเคลียร์กันเรียบร้อยหรือยัง ไม่มี ไม่มา วิมลก็ให้การไป พระไม่มี ไปทีไรก็เจอแต่ทนาย

ปรเมศวร์ :  การดำเนินคดีมีปัญหา

เห็นว่าคนในบริเวณนี้มาขอซื้อที่ 2.4 ล้านแต่เราไม่ขาย เราจะเอา 3 ล้าน?

วิมล :   ไม่จริงค่ะ

มุมนี้ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยเดินผ่านที่ดิน 1 เมตรของชาวสวนที่ไปเช่าต่อมาจากพระ แต่ทีนี้มันเป็นคอขวด ก็ไปร้องศาลขอความเห็นใจ แต่ทนายเขียนไป 3 เมตร พอศาลยกเพราะเขาโกรธที่ไปฟ้องเขา ก็เลยเอารั้วมากั้น ทางนี้ก็ออกไม่ได้ก็ต้องมุดรูหมา เพื่อไปออกทางโรงแป้ง ส่วนญาติพี่น้องคุณเอง นายสมุทรลุงทวน ก็ออกไม่ได้ เพราะมีปัญหากันในอดีต เขาเกลียดทางเราเลยไม่ให้ออก?

นุ้ย : เขาไม่ให้ออกค่ะ เขาเหมารวมทางเรา เขาทะเลาะกันตั้งแต่รุ่นยาย

ที่แปลงนี้มีคนมาขอซื้อ จากข่าวบอกว่านายทวนที่ของสมุทร มาขอซื้อ 2 ล้าน กับตรงชาวสวนที่มาเช่าพระ ขอซื้อ 2.4 ล้าน เราไม่ขาย จะเอา 3 ล้าน จริงมั้ย?

นุ้ย : ไม่จริงค่ะ ข่าวออกไปได้ยังไงไม่ทราบค่ะ ข้อเท็จจริงคือเดิมทีเขาขายที่ของเขา 7 ล้านฝั่งบ้านลุงสมุทร แล้วเขามาถามเราว่าป้าแอ๋วถ้าหนูซื้อที่ตรงนี้ 4 ล้าน ป้าแอ๋วขายมั้ยคะ ทางนี้ก็ตัดสินใจกันไม่ได้ ก็เงียบไป เขาเป็นคนพูดเองว่า 4 ล้าน แม่ก็ไม่ได้ขายเพราะสองคนยังไม่ตัดสินใจ

ทำไมไม่ขายซะเลยตอนนั้น?

นุ้ย : ไม่ได้ค่ะ อีกคนจะขาย อีกคนจะไม่ขาย อีกคนจะอยู่

เรามีพี่น้องสามคนในพื้นที่ 1 ไร่?

นุ้ย : ตอนนั้นยังไม่เสียค่ะ อีกคนก็ยังไม่รู้

ดนัยที่ตายไปแล้ว ดนัยไม่ยอมขาย ส่วนวินัยขายมั้ย?

นุ้ย : ไม่ขาย วิมลอยากขาย แต่สองคนไม่ขายก็เลยต้องอยู่

ก็เลยไม่ได้ขาย 4 ล้านตอนนั้น?

นุ้ย : แล้วก็จบมา ตอนนั้นประกาศขาย 3 ล้าน เกรียงไกร คนทำสวนในที่ของพระก็มาบอกลุงสมุทรว่าถ้าขาย 3 ล้านผมก็ซื้อ เราก็ขาย แต่เขาบอกว่าไม่ซื้อแล้ว แพงไป จนมาล่าสุดบอก 2.4 ล้าน เขาบอกราคาประเมิน

ใครบอก?

นุ้ย : ไม่มีค่ะ เขามาบอกเฉยๆ ว่าราคาประเมิน 2.4 ล้าน ถ้าขายก็ขายแค่ 2.4 ล้านนะ

3 ล้านเราพูดอะไรไปมั้ย?

นุ้ย : ไม่มีค่ะ

สรุปว่าจริงๆ แล้วพี่สมุทรให้ 4 ล้าน แต่ตอนนั้นพี่น้องสามคน สองคนไม่ขาย คนนึงขาย ก็ตกไป ไม่ได้ขาย ฝั่งเกรียงไกรมาขอซื้อ 3 ล้าน ทางนี้ตกลงขาย เพราะดนัยตายไปแล้ว แต่เกรียงไกรบอกไม่เอา กูจะเอา 2.4 ล้าน ตกลงขาย 2.4 ล้าน ไม่ใช่ไม่ขายนะ เกรียงไกรเอามั้ย แต่บอกอย่างนึงนะ ที่แปลงนี้ ณ วันนี้มองแบบชาวบ้าน ที่แปลงนี้ไม่มีมูลค่าเพราะเป็นที่ตาบอด ขายแทบไม่มีราคา แต่จะมีราคาเฉพาะกับสามที่เท่านั้น คือสมุทร, เกรียงไกร, หมู่บ้าน ใครซื้อไป ที่แปลงนี้จาก 2.4 ล้าน เผลอๆ ผมว่าขึ้นมาเกือบ 20 ล้านเพราะมีทางออกแล้ว หมู่บ้านก็ได้ มีมูลค่ากับสามคนเท่านั้น แต่ไม่มีมูลค่ากับคนอื่นๆ เลย นี่คือประเด็นหลัก ถ้าวันนี้คุณใจดีหน่อย คุณให้เขา 3 ล้านที่แปลงนี้จะขึ้นเป็น 20  ทางนี้โดนว่าเหมือนกันว่าร้าย เขาจะซื้อแต่ไม่ยอมขาย?

นุ้ย : ก็ตามที่คุณเกรียงไกรเขาให้สัมภาษณ์ไปค่ะ ตามนั้น คุณเกรียงไกรเขาไม่ได้จะซื้อ เขาถามให้พระแค่นั้นเองค่ะ

แล้วพระซื้อมั้ย?

นุ้ย : อันนี้หนูก็ไม่ทราบค่ะ

ทำไมไม่ติดต่อหมู่บ้านนี้?

นุ้ย : หนูไม่รู้จักเขาค่ะ

วิมล : มันติดที่สงคราม ลูกนายทวนเหมือนกัน

แสดงว่าหมู่บ้านไม่เกี่ยวแล้ว คนมีส่วนได้ส่วนเสีย ถ้าซื้อที่ไป หนึ่งพระ สองฝั่งนายทวน?

วิมล :   นายสมุทรบอกว่าไม่ซื้อก็จบแล้ว

ก็เคลียร์ที่บอกว่ามีคนจะซื้อ 2.4 ล้าน แต่คุณไม่ขาย คุณจะเอา 3 ล้าน ตรงนี้ก็ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ทางคุณยืนยันว่ามีการมาเสนอขาย 4 ล้าน ประเด็นถัดมา จะทำยังไงกันต่อไป?

นุ้ย : อาจต้องมุดรั้ว หรือจะฟ้อง หรือจะยังไง ก็นสุดแล้วแต่ศาลว่าจะยังไง

ตรงนี้จะแก้ไขยังไงได้บ้าง?

ปรเมศวร์ : ที่ดินราคาเท่าไหร่ โดยประมาณ

นุ้ย : เขาว่า 2.4 ล้าน

วิมล : กรมที่ดินบอก 2.4 ล้าน นี่คือราคาตาบอด

ปรเมศวร์ : สระน้ำกว้างมั้ย

วิมล : กว้างมาก  

ปรเมศวร์ : ถ้าไม่มีทางออกจริงๆ กฎหมายยังเปิดช่องเรื่องทางจำเป็น แต่ถ้าไกลมากจะสู้ไม่ไหว ฟ้องได้ทางจำเป็น

คุยกับลุงสมุทร ตกลงเรื่องเป็นยังไง ทางบ้านไปขอเสนอซื้อที่จริงมั้ย?

สมุทร :  ไม่ใช่ผมซื้อ แต่เป็นโรงงานเหล็กไปขอซื้อที่เขา แต่มันติดที่พี่ชายผมอยู่ พี่ชายบอกถ้าอยากซื้อก็จะขาย 7 ล้าน ทางโรงเหล็กก็ซื้อไม่ไหว เขาก็เลยไม่ซื้อทั้ง 2 แปลง สองเดือนสามเดือนที่แล้วโรงเหล็กก็มาขอซื้อที่ แล้วพี่ชายผมเขาไม่ค่อยอยากขาย ที่เขามีน้อย เขาเอาไว้แบ่งให้ลูกๆ เขาบอกถ้าจะขายของเขาก็ 8 ล้าน ไม่ใช่ของผมนะ โรงเหล็กก็ไม่ซื้อ

กี่ไร่ที่จะซื้อ?

สมุทร : ไร่เดียวครับ มีทางออกอยู่ หลังบ่อน้ำ

มีทางเป็นไปได้มั้ย เราเป็นพี่น้องกันจะหาทางออกให้ป้าวิมล?

สมุทร : เขาจะออกทางไหนล่ะครับ ถ้าออกทางบ้านผมก็ออกผ่านในบ้านผมเลย โรงจอดรถส่วนตัวผมเลย

นุ้ย : ต้องเดินเข้าไปในบ้านเขาเลย เหยียบหน้าบ้านเขาเลย

ถ้าออกทางบ่อน้ำ?

สมุทร : ตรงนั้นเป็นที่พี่ชายผม แล้วเป็นบ่อเกษตรเลี้ยงปลาอยู่ ถ้าขึ้นจากบ่อน้ำก็ไม่ได้ติดถนน ที่แปลงนี้ 22 ไร่ไม่ติดถนนแม้แต่ข้างเดียว ที่ 22 ไร่ไม่ติดถนนสักนิดเดียวเลย ทุกวันนี้ที่ติด ไม่รู้ตาโทน พ่อผมไปซื้อมาหรือยังไงผมก็ไม่ทราบ ที่โรงแป้งก็ไม่ติด

นุ้ย : ถนนมาทีหลังหมดเลยค่ะ

ปัจจุบันมีถนนตัด แต่เมื่อก่อนไม่มี ตอนนี้ถ้าเกิดให้คิดแทน คิดว่าเขาจะออกทางไหนได้?

สมุทร : เขาเดินทางเดิมมาตั้งแต่ผมจำความได้ เขาเดินที่ที่เขาฟ้องร้องปัจจุบัน สมัยก่อนผมเดินคู่กับเขา ผมเดินตรงฝั่งกำแพง

คิดว่าจะแก้ไขยังไงได้บ้าง?

สมุทร : ผมก็ไม่ทราบเรื่องการฟ้องร้องกัน เขาเดินจริงๆ เขาเดิน ผมก็เดินไปโรงเรียน ตั้งแต่สมัยเด็กๆ พอปี 38 มันก็เริ่มเจริญ แล้วผมก็ทำธุรกิจรถทัวร์

ที่ต้องเจรจาให้ได้คือแปลงของพระ?

สมุทร : คงเป็นเช่นนั้นเพราะดั้งเดิมเขาเดินมาก่อน แต่เขาฟ้องร้องกันยังไงผมไม่ทราบในตอนนั้น

ลุงสมุทรจบ ไม่เกี่ยวแล้ว เดี๋ยวทัวร์จะไปลงลุงสมุทรว่าเป็นญาติพี่น้องกันทำไมไม่ช่วย ลุงสมุทรบอกว่าถ้าต้องเดินผ่านบ้านเขาต้องเหยียบหน้าบ้านผ่าไปเลย ออกทางบ่อน้ำก็ไม่ได้เพราะใหญ่มาก กว่าจะข้ามบ่อน้ำมาเจอถนนไม่ได้ง่ายๆ กว่าจะมาเจอบางบอนซอย 5 มันยากมาก ประเด็นเดียวคือต้องเจรจากับทางพระให้ได้ วันนี้พี่สมุทรไปคุยกับป้าแอ๋วมั้ย ทุกวันนี้โกรธกันมั้ย คุยกันมั้ย?

นุ้ย :   ไม่ได้โกรธค่ะ

วิมล : ก็ช่วยกันนี่แหละ

สมุทร : ก็คุยกันแบบเพื่อนบ้าน ไม่ได้สุงสิงกัน เราทำธุรกิจคนละระบบ เจ็บไข้ได้ป่วยมีตะโกนคุยกัน

ถ้าฉุกเฉินลุงสมุทรให้ออกใช่มั้ย?

สมุทร : ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยหามออกมาผมก็ต้องให้ออก ผมคนไทย ให้เขามุดออกมาไม่ได้หรอก ถ้าเขาจำเป็นต้องหามออกมา ผมก็สามารถให้รถที่มารับมาจอดหน้าบ้านได้ แต่ให้ไปเปิดทางเดินเป็นภาวะจำยอม ให้เดินเป็นปีสิบปีมันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันผ่านในบ้านผมเลย แค่นี้ทัวร์ก็ลงผมไม่มีที่จอดแล้ว

มีคนบอกจะให้เปลี่ยนพิธีกรบ้าง รายการกูครับ ตลกนะเรา หยอกๆ มีอีกทางนึง เป็นไปได้มั้ย ว่าเราไปกราบพระ เดี๋ยวจะช่วยหาด้วยว่าอยู่ที่ไหน กราบพระแลกที่ อย่างที่อาจารย์บอกเลย ว่าถ้าเราขอเขามาเมตรครึ่ง วัดไปเลย สมมติได้ 50 วา คุณตัดแบ่ง 50 วา แล้วให้ที่เขาไป เพื่อแลก พระได้ที่ใหญ่ขึ้น เราก็มีทางออกเป็นของเราเอง แลกกัน เอามั้ย?

วิมล : เอา

แต่เขาจะเอาหรือเปล่าก็ไม่รู้?

นุ้ย : คนแนะนำได้บอกแล้วค่ะ จนคนแนะนำเสียไปแล้ว  

พระเป็นเจ้าของ?

วิมล : เขาไม่เอาหรอก

ผมว่าทางออกนี้น่าจะดีที่สุด ถ้าพระอาจารย์ได้ชม ด้วยความเป็นพระ ท่านต้องมีเมตตาจิตให้เหล่าสาธุชน ตอนนี้ถ้าเปิดทางเดินให้เขาก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าจะเอาให้จบไปเลย จะมาเดินผ่านที่ตลอดชีวิตก็ลำบาก ท่านก็แค่แบ่งที่ตรงนี้ไปเป็นทางเดิน ท่านก็กินที่เขามาต่อท้ายเหมือนกัน?

ปรเมศวร์ : ริมๆ ตรงนี้เขาปลูกอะไรมั้ย

นุ้ย : เพิ่งจะลงกล้วยกับไผ่  ตอนแรกทิ้งร้างเอาไว้

ปรเมศวร์ : เจ้าของที่จะได้ประโยชน์มากกว่าเดิม ถ้ามองประโยชน์ เขาได้ประโยชน์มากกว่าเรา

หรืออีกวิธี ให้หลวงพ่อซื้อที่เขาไป 2.4 ล้านเขายอมขาย ข่าวสับสนว่าเขาไม่ยอมขาย เห็นว่าคุณวัน อยู่บำรุง จะไปตามหาพระให้?

วัน : อยู่พื้นที่ใกล้ๆ ผมครับ เป็นพื้นที่ผมเลือกตั้งด้วยปี 57 ทางรูหมาก็ไปมุดมาแล้วก็ลำบาก จริงๆ ผมทราบข่าวเรื่องนี้จากท่านเจ้าอาวาสวัดบางบอน ท่านเห็นข่าวแล้วก็บอกว่าไปช่วยดูหน่อย เพราะเกิดและอยู่ที่นี่ เผื่อช่วยเจรจาสองฝั่งได้ เดินเข้าไปกลัวงูเงี้ยวเขี้ยวขอจะกัด อันตรายมาก จริงๆ ปัญหาคือทนายไปขอ 3 เมตร หนึ่งเมตรไปแล้ว ถนนมีกำแพงยื่นมาขวางทาง ถ้าได้ 1 เมตรต่อไป ต้องตะแคง เขาเดินไม่ได้ จริงๆ ก็อยากให้พี่น้องเขาไปเจรจาความประนีประนอมกัน ปรับความเข้าใจกัน

ตอนนี้เขามุ่งไปสองเป้า คือเป้าแรกอยากออกทางเดิมแต่ขอให้ขยายที่ให้?

วัน : ตอนนี้ถึงศาลอุทธรณ์แล้ว ผมว่ารอศาลก่อนมั้ยครับ เพราะศาลท่านน่าจะเมตตาเพราะมันเป็นทางจำเป็นเข้าออก ไม่ใช่ภาระจำยอมนะ เรียกว่าทางจำเป็น

สองให้ทางพระซื้อที่เขาไปเลย 2.4 ล้าน เขายอมขาย?

วัน : คุณเกรียงไกรมาขอเช่าที่ต่อจากพระ ผมรู้จักครับ แต่พระผมไม่รู้จัก

สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ แบ่งที่แล้วแลกกัน ขอกินที่ทางเดินไปสักเมตรห้าสิบ ทางเขายินดีแบ่งที่ของเขาห้าสิบวาแลกกัน?

วัน : งั้นผมต้องไปเจรจาก่อน ผมไปคุยกับคุณเกรียงไกรก่อน

คุณวันเจรจาหน่อยนะ ว่าแลกที่กันมั้ย ผมว่าเขาเสียที่ด้านข้างไปที่นึง แต่ได้ที่ลึกก้นครัว ผมว่าที่มันสวยกว่า ตอนนี้มีสามทางเลือก ทางแรกร้องศาลต่อ ไปร้องใหม่ สองขายที่แปลงนี้ 2.4 ล้าน สามแลกที่ ถ้าเขายอม?

ปรเมศวร์ : ถ้าเรื่องอุทธรณ์ ถ้าทนายไม่รังเกียจให้ติดต่อผมก็ได้ ยินดีให้คำแนะนำ เราไม่ได้ไปเอากันตาย เดี๋ยวพระจะเข้าใจผิดว่าไปเจรจาอะไร ก็ใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเพื่อดึงระยะเวลาในการเจรจา ถ้าเจรจาได้มันก็จบ ก็ต้องวิงวอนหลวงพ่ออนุโมทนาเถอะ

นุ้ย : ก็ขอบคุณโรงแป้ง ที่ไม่ปิดรู ให้พ่อแม่หนูยังเดินได้อยู่ (เสียงสั่นเครือ) และขอบอกทุกคนที่เสพข่าว อันไหนจริง ก็จริง อันไหนไม่จริงก็ละไว้นะคะ คิดใจเขาใจเรานะคะ ถ้าเป็นพ่อแม่ เครือญาติพวกคุณแล้วโดนว่าหน้าเงิน สับปลับ ถ้าเราไม่โดนเราจะออกมาพูดทำไมค่ะจุดนี้ ขอบคุณโรงแป้งมากๆ ค่ะ ขอบคุณโรงงานทีเอ็นที่ให้ใช้น้ำใช้ไฟตลอดมาค่ะ (เสียงสั่นเครือ)

ปรเมศวร์ : ข่าวก็คือข่าว หนักแน่นไว้ดีแล้ว ผมว่าทางนี้ก็ถอยสุดซอยแล้ว เดี๋ยวฝากเบอร์ไว้ ถ้าทนายอยากหารือแลกเปลี่ยนกัน พลาดตรงไหน ผิดตรงไหน หรือคำพิพากษาฎีกา ผมพอค้นได้ก็จะค้นให้