วันที่ 12 ส.ค. 66 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศรสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า หลายครั้งที่นายวิโรจน์ ได้กล่าวให้ร้าย บิดเบือน ด้อยค่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคออกมาชี้แจงทุกครั้ง นายวิโรจน์ก็ไม่เคยสำนึกที่จะพยายามปรับปรุงตัว โดยเฉพาะถ้อยคำที่ออกมาพูดแต่ละครั้ง สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ก้าวร้าว ไม่ให้เกียรติคนอื่น
นายราเมศ กล่าวต่อว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่พรรคได้กำหนด เป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาลนั้น จะเห็นว่าพรรคได้พยายามทุกวิถีทางที่จะดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 256 ที่ต้องการให้มีการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นรัฐธรรมนูญที่แก้ไขง่ายขึ้น รวมไปถึงการยื่นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในส่วนของการกำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และในสมัยที่ผ่านมาไม่ใช่จะแก้เฉพาะประเด็นใดประเด็นหนึ่ง แต่ทั้งหกร่างที่พรรคได้เสนอไปนั้น มีทั้งเรื่องสิทธิกระบวนการยุติธรรม สิทธิในที่ดินทำกิน สิทธิของผู้บริโภค สิทธิชุมชน รวมไปถึงการยกเลิกอำนาจสมาชิกวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ได้ยื่นแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของกระบวนการเลือกตั้งที่กำหนดเปลี่ยนแปลงแก้ไข และเป็นฉบับเดียวที่พรรคทำสำเร็จ ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ผิดข้อตกลงเงื่อนไขที่บอกกับพี่น้องประชาชน แต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นเป็นอุปสรรคที่เกิดจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่กำหนดให้การพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ต้องใช้เสียงสมาชิกวุฒิสภาเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขเพิ่มเติม
“เพราะฉะนั้นการที่จะบอก ว่าพรรคประชาธิปัตย์ผิดเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล นั้นเป็นการกล่าวหาบิดเบือนทั้งสิ้น นายวิโรจน์ควรหยุดความก้าวร้าว หยุดด้อยค่าพรรคอื่น คนที่อ้างว่าตนเป็นประชาธิปไตย แต่การกระทำสวนทางกันพูดเท็จ บิดเบือนกล่าวหา ด้อยค่า ใส่ร้าย ปลิ้นปล้อน ทำตัวเป็นผู้วิเศษเก่งทุกเรื่อง คุณไปจัดการพรรคคุณให้ดีก่อน ก่อนที่จะมาก้าวก่ายพรรคการเมืองอื่น จนเขาเอือมระอากันไปทั่ว” นายราเมศ กล่าว