วันที่ 12 ส.ค. 66 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่พรรคพท. สามารถรวมเสียงโหวตแคนดิเดตนายกฯพรรค พท. ได้ถึง 315 เสียง มั่นใจจะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพหรือไม่ว่า ตนมองว่าเสียง 300 ต้นๆ ถือว่ามีเสถียรภาพ แต่ถ้าต้องบริหารเรื่องความคาดหวังของแต่ละพรรคร่วมก็ต้องมาพูดคุยถึงนโยบายรวม ซึ่งจะเป็นนโยบายของรัฐบาลมันต้องมาพูดคุยกันให้ดี
เมื่อถามว่าการมาเป็นนายกฯในขณะที่ประเทศเจอวิกฤติเช่นนี้เหนื่อยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การมาเป็นผู้นำรัฐบาล การทำงานการเมือง ตนมองว่าก็เหนื่อยตลอด คณิตศาสตร์ที่ออกมาจากการเลือกตั้งตัวเลขที่ออกมายิ่งทำให้เหนื่อย มันจะง่ายขึ้นถ้าพรรค พท. ได้แลนด์สไลด์แต่ก็ไม่ได้ ซึ่งเราก็ต้องยอมรับและอยู่กับความเป็นจริงว่าเราไม่ได้แลนด์สไลด์
เมื่อถามอีกว่าการเป็นรัฐบาลผสมเช่นนี้ จะพาประเทศออกจากหล่มที่เป็นอยู่ในตอนนี้หรือไม่ นายเศษฐา กล่าวว่ามั่นใจว่าพรรคใดก็ตามที่จะเข้าร่วมรัฐบาลต้องเข้าใจปัญหาที่มีในปัจจุบัน ทั้งความเป็นอยู่ประชาชนที่ต้องยกระดับขึ้นมา ปัญหาของรัฐธรรมนูญ ปัญหาความขัดแย้งด้านความคิด เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจดี และจากการแถลงร่วมกันของแต่ละพรรคทุกคนเข้าใจปัญหาดี ฉะนั้นการมาร่วมด้วยช่วยกันในรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นตนเชื่อว่าต้องร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาประเทศ และแก้ไขปัญหาดังกล่าว
เมื่อถามว่าหากพรรค พท. ได้เสียงแลนด์สไลด์เป้าหมายของเราอาจเป็นอย่างหนึ่ง พอเป็นพรรคร่วมเช่นนี้ เป้าหมายจะเหมือนกันหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมั่นใจ เพราะผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว 3 เดือน ถือเป็นครั้งยาวนานที่สุดในการตั้งรัฐบาล นักการเมืองและพรรคการเมืองทุกพรรคตกผลึกเรียบร้อยแล้ว ว่า มันยากลำบากจึงต้องร่วมด้วยช่วยกัน ปัญหาของประเทศสำคัญที่สุด ดังนั้นหน้าที่ของผู้นำรัฐบาลก็ต้องพยายามหล่อหลอมให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและไปสู่จุดมุ่งหมายได้ จะเป็นพรรคไหนก็ตามทีเชื่อว่าความเป็นห่วงบ้านเมืองต้องมีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ามีเงื่อนไขไม่ให้พรรคการเมืองเดิมบริหารกระทรวงเดิมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นหลักการหนึ่งที่เป็นประโยชน์
เมื่อถามว่าเมื่อได้เป็นนายกฯ จะทำหน้าที่เลือกบุคคลที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีของแต่ละพรรคการเมืองหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าต้องพูดคุยกัน และต้องให้เกียรติพรรคร่วมด้วย ซึ่งตรงนี้มีความสำคัญ
เมื่อถามอีกว่าบางคนถูกสังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมหากมารับตำแหน่งรัฐมนตรี จะคัดเลือกอย่างไรให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) สง่างาม นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้เกียรติผู้ที่รับเสนอชื่อด้วยและหากใครที่มีเรื่องคดีความก็ต้องไปว่าตามกฎหมาย ถ้าเป็นไปได้ก็เป็นไปได้
เมื่อถามว่าการมีพรรคร่วมจำนวนมากในฐานะผู้นำรัฐบาลจะสามารถบริหารให้รัฐบาลไปรอดได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า นโยบายรวมเป็นเรื่องสำคัญการพูดคุยกันก่อนที่จะเข้ามาร่วมรัฐบาล ความคาดหวังผลงานของแต่ละกระทรวง จึงเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุย ตกลงกันและต้องตั้งเป้าหมายให้เป็นจริง ซึ่งจะต้องมีระยะเวลาของแต่ละภารกิจให้ชัดเจนจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน เราอย่าบอกว่ารัฐมนตรีมาจากพรรค ก. หรือ ข. แต่เราเป็นรัฐบาลของประเทศไทยจึงถือเป็นภารกิจร่วม นายกฯมีหน้าที่หล่อหลอมให้บรรลุไปถึงจุดมุ่งหมายให้ได้