คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าก่อนหน้านี้หลังจากที่ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” พ้นออกจากตำแหน่งในวาระแรกคะแนนนิยมของเขามีอยู่แค่เพียง 39% เท่านั้น แต่กลับปรากฏว่าขณะนี้คะแนนนิยมของเขากลับมีพุ่งสูงขึ้นถึง 43% แถมยังมีคะแนนนิยมนำลิ่วเหนือกว่าคู่แข่งขันทั้ง 12 คนด้วยซ้ำไป

อีกทั้งในขณะนี้ยังปรากฏให้เห็นอีกว่า คะแนนนิยมของ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” มีนำหน้ากว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง!!!

ดูเหมือนว่าเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2023 ที่ผ่านมานี้ หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกฟ้องร้องครั้งแรกในคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติทางด้านธุรกิจของเขาที่กรุงนิวยอร์ก ถึง 34 กระทง แต่น่าแปลกที่คะแนนนิยมของเขากลับเพิ่มขึ้นถึง 5%

อีกทั้งเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2023ครั้งที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกฟ้องในคดีอาญาครั้งที่สองและถูกตั้งข้อหาอีก 40 กระทงเกี่ยวกับการนำเอกสารลับไปซุกเอาไว้ที่บ้านอย่างผิดกฎหมาย ปรากฏอีกเช่นกันว่า คะแนนนิยมของเขาก็มิได้กระทบกระเทือนแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องของการเมือง!!!

ทั้งนี้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์กลับออกมากล่าวโอ้อวดว่า เป็นเพราะเขาสามารถพูดจาโน้มน้าวให้สมาชิกของพรรครีพับลิกันกระทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการ

สำหรับเมื่อวันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2023 กรณีที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกฟ้องคดีอาญาครั้งที่ 3 ณ กรุงวอชิงตัน สืบเนื่องมาจากเขาพยายามคว่ำผลการเลือกตั้งเมื่อปีค.ศ. 2020 นั้นโดยข้อหาครั้งที่ 3 ประกอบไปด้วยการเข้าไปมีส่วนสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อฉลรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางจากทั่วประเทศกว่า 2,000 คนบุกเข้าไปก่อการจลาจลอย่างวุ่นวายและรุนแรง ณ รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021

ส่วนคำฟ้อง 4 กระทง ซึ่งถือเป็นคดีอาญาในเชิงลึกโดยมี “แจ็ค สมิธ”ที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงยุติธรรมออกมากล่าวว่า “มันเกิดขึ้นมาจากการกล่าวคำโกหกของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่มีเป้าหมายต้องการที่จะขัดขวางการทำงานสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรับรองผลการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศ”

โดยทีมทนายความของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแก้ต่างกล่าวอ้างคำฟ้องครั้งที่ 3 ว่า “เป็นการโจมตีทางด้านเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการสนับสนุนทางการเมือง”

จากผลของการหยั่งเสียงเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2023 ของสถานีโทรทัศน์ ABC News ร่วมกับสำนักหยั่งเสียง Ipsos ภายหลังจากที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกฟ้องร้องครั้งที่สาม รายงานว่า คนอเมริกันร้อยละ 65% คิดว่าคำฟ้องของรัฐบาลกลางร้ายแรงมาก

แต่ถึงแม้ว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะถูกข้อหาในคดีอาญาครั้งที่สามและขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับผู้พิพากษาในศาลหรือถูกสัมภาษณ์จากสื่อก็ตาม แต่กลับปรากฏว่าเขามิได้แสดงท่าทีสะทกสะท้านยังคงอยู่ในท่าทีสงบนิ่ง โดยไม่มีใครสามารถประเมินจิตใจของเขาได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่!!!

โดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวยืนยันต่อผู้สนับสนุนของเขาว่า “การเลือกตั้งในครั้งนั้นเชื่อถือไม่ได้ สืบเนื่องมาจากมีการทุจริต และข้าพเจ้าตกเป็นเหยื่อของรัฐบาล”

การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกตั้งข้อกล่าวหาสามครั้ง นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงที่มีการแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ โดยที่ผ่านๆมายังมิเคยมีเหตุการณ์เยี่ยงนี้เกิดขึ้นเลยในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯ!!!

โดยประเด็นหลักๆที่ขณะนี้คนอเมริกันให้ความสนใจอยู่ที่ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะติดคุกหรือไม่? หรือ เขาจะมีโอกาสได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯอีกครั้งหนึ่งหรือไม่?

คราวนี้ลองหันมาดูประวัติของผู้พิพากษาที่รับผิดชอบในคดีอาญาเกี่ยวกับการที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการจะพลิกผลการเลือกตั้งกันว่าเป็นใคร?

ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้ก็คือ “ผู้พิพากษาธัญญา ชุตคาน” (Tanya Chutkan) ที่มีความโดดเด่นในฐานะเป็นหนึ่งในการพิพากษาลงโทษต่อผู้ก่อการจลาจลที่รุนแรงกว่าข้อเสนอที่อัยการจากกระทรวงยุติธรรมนำเสนอ!!!

อีกทั้งผู้พิพากษาผู้นี้ยังเคยมีบทบาทสำคัญที่ออกมากล่าวคัดค้านการที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามกดดันให้กองจดหมายเหตุมอบเอกสารต่างๆเกี่ยวกับการก่อเหตุจลาจล เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ให้กับคณะกรรมการสภานิติบัญญัติทำการสอบสวนเหตุการณ์

โดยผู้พิพากษาธัญญา ชุตคาน ได้กล่าวปฏิเสธต่อข้อเรียกร้องของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ไม่ต้องการส่งมอบเอกสารสำคัญๆเหล่านั้นให้กับคณะกรรมการสอบสวนของสภาผู้แทนฯเกี่ยวกับคดี 6 มกราคม 2021

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2021ผู้พิพากษาท่านนี้ได้ตัดสินว่า เอกสารสำคัญๆเหล่านั้นมีความสำคัญต่อผลประโยชน์ของสาธารณะและจำเป็นต้องให้คณะกรรมการพิจารณาคดีก่อการจลาจล 6 มกราคม 2021 ได้รับพิจารณา และจากการที่ผู้พิพากษาธัญญา ชุตคาน ปฏิเสธข้อเรียกร้องจากกลุ่มทนายความของประธานาธิบดีทรัมป์ เธอได้ออกมาอธิบายว่า “ประธานาธิบดีมิใช่กษัตริย์ และโจทก์ก็มิได้เป็นประธานาธิบดี”

และเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์แพ้คดี โดยคดีได้ถูกเสนอต่อไปยังศาลอุทธรณ์ ปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องต่อคำตัดสินของผู้พิพากษาธัญญา ชุตคาน จึงมีผลทำให้ศาลสูงสุดไม่รับคดีต่อไปในชั้นพิจารณา!!!

ทั้งนี้เมื่อปี 2014 ผู้พิพากษาธัญญา ชุตคาน ได้รับการเสนอชื่อโดย “ประธานาธิบดีบารัก โอบามา” ให้เข้ามานั่งรับตำแหน่งในบัลลังก์ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางด้วยความเห็นชอบของวุฒิสภาอย่างเอกฉันท์ 95 ต่อ 0

อนึ่งที่ผ่านมาผู้พิพากษาธัญญา ชุตคาน ตัดสินคดีเกี่ยวกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อจลาจลเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 มาแล้วเกือบ 600 คน โดยผู้ที่ได้รับโทษมีตั้งแต่สิบวันไปจนถึงห้าปีโดยส่วนใหญ่แล้วหนึ่งในสามของจำนวนผู้ก่อเหตุ 600   คนไม่โดนจำคุก!!!

ผู้พิพากษาท่านนี้ยึดหลักที่ว่า “ผู้ใดก็ตามพยายามที่จะโค่นล้มรัฐบาล ขัดขวางการโอนอำนาจ และทำร้ายเจ้าหน้าที่จะต้องพบกับบทลงโทษอย่างแน่นอน” (ข้อมูลของข่าวสำนักเอพีนิวส์ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2023: The Judge assigned to Trump’s Jan.6 case is a tough punisher of Capitol rioters)

และเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ผู้พิพากษาธัญญา ชุตคาน ยังมีคำสั่งกำหนดให้อัยการแจ็ค สมิธ เสนอวันพิจารณาคดี โดยจะต้องแจ้งให้ท่านทราบด้วยว่าจะใช้เวลานานเท่าใดในการพิจารณาคดี และจะต้องทำโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

อีกทั้งผู้พิพากษาท่านนี้ยังให้ทีมทนายความของประธานาธิบดีทรัมป์เสนอวันพิจารณาคดี โดยให้ระบุด้วยว่าจะใช้เวลานานเท่าใด และจะต้องตอบภายในวันที่ 17 สิงหาคม 2023 นี้เท่านั้น

มีข่าวออกมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาเรียกร้องต้องการที่จะให้ผู้พิพากษาธัญญา ชุตคาน ถอนตัวออกจากการพิจารณาคดีของเขาทันที!!!

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นดูเหมือนว่า “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” จะเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐอเมริกาที่ถูกตั้งข้อหาคดีอาญาถึงสามครั้งสามคราในระยะเวลาแค่เพียงสี่เดือน โดยเขาได้กล่าวปฏิเสธในทุกๆข้อกล่าวหาแถมเขาอาจจะถูกตั้งข้อหาคดีอาญาที่ รัฐจอร์เจีย ในการที่เขาพยายามจะคว่ำผลการเลือกตั้งเพิ่มเติมอีกด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2024 จะเป็นตัวตัดสินว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะมีโอกาสกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว หรือถูกจับเข้าไปนอนอยู่ในซังเต ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นขั้นตอนที่แสนสลับซับซ้อน และการพิจารณาคดีอาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ก็เป็นไปได้ แต่อย่าลืมว่าประธานาธิบดีทรัมป์มีพรสวรรค์โดดเด่นไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนที่เขาสามารถกล่าวปราศรัยหาเสียงได้ยาวนานเป็นชั่วโมงๆ โดยไม่ติดขัดแถมยังมีเม็ดเงินสนับสนุนจำนวนมหาศาล บวกกับมีฐานการเมืองจากสมาชิกของพรรครีพับลิกันอย่างแข็งขัน แต่คงจะต้องจับตากันดูต่อไปว่าคดีอาญาครั้งที่สามและครั้งที่สี่ที่ถือเป็นตัวชี้วัดครั้งสำคัญของเขาจะไปในทิศทางใดอีกด้วยละครับ