ดนตรี / ทิวา สาระจูฑะ
หนึ่งในวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จที่สุด ดิ อีเกิลส์ ก่อตั้งวงกันในปี 1970 ยังคงทัวร์คอนเสิร์ตในปัจจุบัน ซึ่งประกาศ (อีกครั้ง) ว่าจะเป็นการทัวร์ครั้งสุดท้าย
แต่อีกด้านหนึ่งของชีวิตที่เงียบสงบ แรนดี้ ไมสเนอร์ อดีตสมาชิกก่อตั้ง เสียชีวิตจากไปเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2023 ด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ในวัย 77 ปี หลังจากที่มีโรคร้ายรุมเร้าหลายโรคก่อนหน้านี้
ไมสเนอร์ เกิดที่เนบราสก้าในปี 1946 เริ่มจับกีตาร์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นเบสส์ และมีประสบการณ์ในอาชีพศิลปินบันทึกเสียงมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1960 โดยเข้าร่วมกับวง เดอะ ไดนามิคส์ ขณะที่มีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น ต่อด้วยวง เดอะ พัวร์ ทั้งสองวงมีซิงเกิ้ลออกมาด้วย ก่อนที่ ไมสเนอร์ จะเข้ามาเป็นสมาชิกรุ่นแรกของ โพโค ในปี 1968
หลังจากบันทึกเสียงอัลบั้มแรก Pickin’ up the Pieces ที่มีกำหนดจะออกวางขายในปีถัดมา ไมสเนอร์ เกิดความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมวงเนื่องจากเขาถูกกันไม่ให้มีส่วนร่วมในการมิกซ์เสียงขั้นสุดท้าย เขาแยกทางจากวง ยิ่งกว่านั้นเสียงร้องนำ 4 เพลงของเขาถูกถอดออก และแทนที่โดยเสียงร้องของ จอร์จ แกรนแธม มือกลอง เหลือไว้แต่เสียงเบสและร้องประสาน รูปของเขาในภาพเขียนบนปกอัลบั้มถูกลบออก เปลี่ยนเป็นรูปสุนัขตัวหนึ่ง
ต่อมา ไมสเนอร์ เข้าร่วมงานกับ สโตน แคนยอน แบนด์ วงแบ็คอัพของ ริค เนลสัน ทั้งบันทึกเสียง, ทัวร์ และร่วมโปรดิวซ์ผลงาน ขณะเดียวกันก็รับงานบันทึกเสียงให้ศิลปินอื่นหลายราย จนกระทั่งปี 1971 ร่วมกับ เกลนน์ ฟราย, ดอน เฮนลี่ย์ และ เบอร์นี่ ลีดอน ก่อตั้ง ดิ อีเกิ้ลส์
ไมสเนอร์ เล่นและร้องอยู่ในนาม ดิ อีเกิ้ลส์ 5 อัลบั้ม หลังสุดคือ Hotel California ในปี 1976 เขาร่วมแต่งและร้องนำในผลงานของ ดิ อีเกิ้ลส์ หลายเพลง อย่าง "Try and Love Again," "Is it True?", "Take the Devil", "Tryin'" และแน่นอน "Take It to the Limit" เพลงอมตะจากอัลบั้ม One of These Nights ในปี 1975 ซึ่งกลายเป็นซิงเกิ้ลที่ขึ้นอันดับสูงสุดของวงนับจากก่อตั้งกันมา คือติดอันดับ 4 บนตารางอันดับซิงเกิ้ล บิลบอร์ด ฮ็ฮท 100 เขายังร่วมแต่งเพลงฮิทขนาดย่อม "Certain Kind of Fool" โดยมี ดอน เฮนลี่ย์ ร้องนำ
การลาออกเกิดจากความขัดแย้งกับสมาชิกในวง และความอ่อนล้า เบื่อหน่ายที่จะต้องออกทัวร์อย่างต่อเนื่อง สวนทางกับนิสัยของเขาที่ต้องการใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น ความขัดแย้งคุกรุ่นมาตั้งแต่ช่วงบันทึกเสียงอัลบั้ม Hotel California และมาถึงจุดแตกหักในการทัวร์โปรโมทอัลบั้มเมื่อปี 1977 ทำให้เขาตัดสินใจแยกทางจาก ดิ อีเกิ้ลส์ หลังร่วมสร้างประวัติศาสตร์มา 5 อัลบั้ม
หลังจากจากนั้น ไมสเนอร์ ออกอัลบั้มเดี่ยว 3 ชุด คือ Randy Meisner (1979), One More Song (1980) และกลับมาใช้ชื่อ Randy Meisner ในปี 1982
ต่อมาในปี 1985 เขาร่วมกับ เจมส์ กริฟฟิน อดีตสมาชิกวง เบรด และนักร้อง-นักแต่งเพลง บิลลี่ สวอน ตั้งวงในแนวคันทรี่-ร็อคชื่อ แบล็ค ไท ออกอัลบั้ม When the Night Falls (1985) ไม่นานนัก กริฟฟิน แยกตัวออกไปเป็นศิลปินเดี่ยว พวกเขาได้ ชาร์ลี ริช จูเนียร์ เข้ามาแทนและเปลี่ยนชื่อเป็น ไมสเนอร์, สวอน แอนด์ ริช บันทึกเสียงอัลบั้มไว้อีก 1 ชุด แต่เพิ่งมาออกภายหลังในปี 2001 หลังจากวงยุบไปแล้ว ไม่ประสบความสำเร็จใดๆ
ไมสเนอร์ พยายามทำวง เดอะ ไมสเนอร์-โรเบิร์ทส์ แบนด์ ร่วมกับ ริค โรเบิร์ทส์ อดีตนักร้องนำ ไฟร์ฟอลล์ แต่ไม่เกิดผลสำเร็จ ทั้งๆที่บันทึกเสียงไปแล้ว 6 เพลง ในที่สุด เขากลับมารวมกับสมาชิก โพโค ยุคก่อตั้งในปี 1989 ร่วมทำอัลบั้ม Legacy เพียงชุดเดียว แต่เขาก็เป็นเสียงร้องนำในเพลง “Nothing to Hide” หนึ่งในเพลงฮิตจากอัลบั้มที่แต่งโดย ริชาร์ด มาร์กซ์ เจ้าของเพลง “Right Here Waiting” ซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ ไมสเนอร์
ระยะหลังของชีวิต ไมสเนอร์ มีปัญหาสุขภาพกาย เป็นผลพวงจากการติดเหล้ายาวนานตั้งแต่ทศวรรษ 1960 และปัญหาสุขภาพจิตจากความเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบออกสู่สป็อทไลก์ท ซึ่งสวนทางกับความโด่งดังของ ดิ อีเกิ้ลส์ และอาชีพศิลปินดนตรี หลังจากเข้าศตวรรษที่ 21 เขาป่วยหนักเข้าขั้นโคม่าสองสามครั้ง และมีอาการไบโพล่าร์ เคยหลอนถึงขนาดขู่ฆ่าตัวเองและคนอื่นในครอบครัว
ในปี 2016 เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่า ลาน่า ไมสเนอร์ ภรรยาของตัวเอง แต่หลังพิสูจน์ภาพวงจรปิด พบว่าเธอประสบอุบัติเหตุจากปืนไรเฟิ่ล ไมสเนอร์ บริสุทธิ์ เพราะเขาอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านขณะเกิดเหตุ
หลังจากแยกทางกับ ดิ อีเกิ้ลส์ นานถึง 21 ปี ไมสเนอร์ หวนกลับมาขึ้นเวทีร่วมกับวงเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 1998 ในวันที่วงได้รับการประกาศชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศแห่งร็อค-แอนด์-โรลล์ แต่ในปี 2013 เมื่อ ดิ อีเกิ้ลส์ ออกทัวร์สนับสนุนหนังประวัติของวงเรื่อง History of the Eagles โดยเชื้อเชิญสมาชิกรุ่นก่อตั้งร่วมทัวร์ด้วย เขาก็ป่วยจนไม่สามารถกลับไปเล่นได้
นับตั้งแต่เปลี่ยนศตวรรษ แรนดี้ ไมสเนอร์ ค่อนข้างเงียบหายไปจากวงการ มีเพียงการเป็นแขกรับเชิญบนเวทีคอนเสิร์ทของเพื่อนเก่าๆไม่กี่ครั้ง จนกระทั่งเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งเมื่อเขาเสียชีวิต-ในฐานะหนึ่งในผู้สร้างประวัติศาสตร์ของพญาอินทรีแห่งฟากฟ้าดนตรี