เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 ส.ค. 66 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาระบุว่า พรรคพลังประชารัฐพร้อมสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ว่า ต้องขอบคุณนายไผ่ และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง40 คนที่จะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และได้ยินว่านายไผ่ก็ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร แค่เห็นว่าประเทศต้องเดินไปข้างหน้า สนับสนุนให้มีรัฐบาลโดยเร็ว ซึ่งชัดเจนว่าเขาไม่มีเงื่อนไข แต่ใครจะร่วมกับเราบ้าง อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เพื่อผลักดันนโยบายได้ 

“ขอขอบคุณและยินดี เราต้องการความสมานฉันท์และความชัดเจนในการแก้ไขวิกฤต ถ้าได้ทั้งหมดก็ยิ่งดี แต่ขึ้นอยู่กับเอกสิทธิ์สส. และการดำเนินการของเรา ยืนยันไม่มีงูเห่า เพราะไม่ได้เอากล้วยไปซื้อ แต่เอาวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า การที่นายไผ่ประกาศสนับสนุนเช่นนี้ พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ ต้องมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเหมือนพรรคอื่นๆ หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้ยังไม่ได้กำหนดเรื่องดังกล่าว ตนเพิ่งได้ยินนายไผ่พูดเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ยังไม่ได้ตกลงว่าจะร่วมรัฐบาลหรืออะไร วันนี้จึงต้องขอบคุณเจตนารมณ์ และมิตรไมตรี ตนยินดีไม่ว่าจะเป็นพรรคหรือกลุ่ม

เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้มีการพูดคุยกัน และจะมีการประกาศออกมาเหมือนพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า การที่นายไผ่ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ความจริงก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐ เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หากเห็นว่าเราเป็นแกนนำ และสามารถแก้ปัญหาประเทศได้ ก็แสดงเจตนารมณ์ช่วยสนับสนุนเรา ตอนนี้เราไม่ทราบว่าใครจะสนับสนุนเราบ้าง แต่ได้หมดเลย ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และพรรคเป็นธรรม (ปธ.) สามารถสนับสนุนได้หมด เพราะเราเป็นรัฐบาลพิเศษ เอาวาระประชาชนเป็นหลัก 

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าหากร่วมรัฐบาลกับสองลุงจะไม่โหวตให้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราพูดกับพรรคก้าวไกลแล้ว ดูจากความเป็นจริงแล้ว ทุกพรรคการเมืองไม่ปรารถนาจะร่วมด้วย หากเราอยู่ในวังวนนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะก้าวไปได้ วันนี้หากเราจับกับพรรคก้าวไกลเหมือนเดิม ก็จะได้ 312 เสียง ไม่สามารถบรรลุได้ พรรคเพื่อไทยพูดจุดยืนชัดเจนว่าต้องเป็นรัฐบาล เพื่อให้เจตนารมณ์ในการแก้วิกฤตชาติสำเร็จ 

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ตอนไปคุยกับพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ก็เป็นคนพูดว่า เราไม่ได้มีอะไรต่อกัน ความรู้สึกยังดีต่อกัน มีบ้างที่แฟนคลับจะทะเลาะกัน ถือเป็นความเห็นต่างในหมู่ประชาชน แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพรรคการเมือง คือการทำงานร่วมกัน ซึ่งตนก็ได้เล่าทั้งหมดให้ฟัง และยังบอกว่าสิ่งที่ตนพูดว่ายินดีที่จะไปขอโทษ ขอขมาให้ ยืนยันว่าพูดจริง แต่ตนไม่มีเจตนาที่จะไปขอขมา เพราะไม่ได้รู้สึกว่าผิดอะไร แต่ที่ตนพูดว่าจะไปขอโทษขอขมา เป็นคำพูดสร้อยที่ตนพร้อมรับผิดชอบ แต่นัยของตนคือถ้าไปแล้วมีอะไรขุ่นข้อง ตนยินดีที่จะขอโทษ 

“และรู้สึกว่าหากต้องไปที่พรรคเขา และต้องเชื้อเชิญเขา พรรคเพื่อไทยก็ยินดีไป เพราะเราปรารถนาว่าการตั้งรัฐบาลหากสามารถทำได้ด้วยสส. จะแก้วิกฤตได้ ถือเป็นหนึ่งทางเลือก แต่การพูดคุยกันเราพูดชัดว่าหากทางนี้เป็นไปได้ ถือเป็นทางที่ดีที่สุด แต่ถ้าไม่เป็นไปเช่นนี้ ก็มีทางเลือกอีกหลายทาง ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องจ่ายต้นทุนมาก ทุกวันนี้หากพรรคเพื่อไทยตัดสินใจไป เราทำไปด้วยความรับผิดชอบ รู้ว่าต้องจ่ายต้นทุนสูง แต่สิ่งที่เรากำลังทำ เป็นสิ่งที่เราอยากเห็นประเทศมีทางออก คิดว่าการทำหน้าที่ของเรา แม้ต้องจ่ายต้นทุนสูงแล้ว ได้ผลอย่างที่เราหวังก็ถือว่าคุ้มค่า ส่วนการตัดสินใจครั้งนี้ จะผิดจะถูกอย่างไร อยู่ในดุลพินิจของประชาชน และพร้อมรับผลที่จะเกิดขึ้น” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามถึง กระแสข่าวการพูดคุยกับพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เป็นการไปบอกว่าจะตั้งรัฐบาลโดยมีคนของพรรคสองลุงเข้าร่วมด้วย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า การที่เราไปพบพรรคก้าวไกลไม่ใช่ละครเหมือนที่หลายคนออกมาตั้งข้อสังเกต ตอนที่เราเดินไปก็คิดว่าไม่มีอะไร เราไปอย่างเปิดเผย เมื่อไปถึงน.ส.แพทองธาร เป็นคนเริ่มพูดคุยต่างฝ่ายต่างเล่าเรื่องให้กันฟัง ว่าเราทำอะไรไปบ้าง การไปพบเราต้องการอะไร และมอบหมายให้ทีมเจรจาเป็นคนชี้แจง 

เมื่อถามว่า หากพรรคสองลุงโหวตให้นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย จากนั้นจะมีการมาร่วมรัฐบาลเพื่อเพิ่มเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิยกมือให้พรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าการยกมือให้จะต้องได้เป็นรัฐบาลร่วมกันทั้งหมด เมื่อนายกรัฐมนตรีเป็นพรรรเพื่อไทยแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีหลายเงื่อนไข ทั้งเรื่องนโยบาย ตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรี และเรื่องอะไรอีกหลายอย่าง 

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า หากวันที่ 16 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าโหวตต่อไปได้ พรรคเพื่อไทยก็จะเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และให้โหวตผ่านไปเลย ก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ภายในหนึ่งเดือนอย่างช้า พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จ และนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาจะเสร็จ ก่อนเดือนต.ค. ทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้ 

เมื่อถามว่า การที่พรรคพลังประชารัฐจะร่วมโหวตให้ เป็นการส่งสัญญาณว่าสว. จะร่วมโหวตให้พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เราขอทุกภาคส่วนทั้ง สว. และสส. เราไม่ทราบว่า สว. สส. กลุ่มการเมืองไหนจะมีอะไรอย่างไรวันนี้เราต้องการแสดงออก 

เมื่อถามว่า ตัวเลขพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสถียรภาพควรอยู่ที่เท่าไหร่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพถึงจะผลักดันนโยบายได้ ตัวเลขจะอยู่ที่เท่าไหร่ อยู่ที่การร่วมมือกันว่าตัวเลขไหนจะดีที่สุด ทำให้ปัญหาน้อยที่สุด 

เมื่อถามย้ำว่า ต้องได้เกิน 300 เสียง ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สื่อลองคิดดู เพราะเสถียรภาพที่มั่นคงแต่ละคนไม่เท่ากัน เป็นเรื่องที่พูดยาก 

เมื่อถามว่า ดีลกับพรรคสองลุงจบแล้วใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีดีล ดีลคือเลือกนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีข้อตกลง แต่เมื่อเลือกได้แล้ว เราถึงจะดำเนินการ ใครเลือกก็อยู่ในเงื่อนไขที่ต้องคุยกัน ว่าจะมีส่วนร่วมกันได้ขนาดไหน ไม่เลือกก็ชัดเจนว่าไม่เอาเรา ไม่เป็นไร ถือว่าเราไม่มีพรรคเหล่านั้นในสมการ 

เมื่อถามว่า สรุปแล้วเสถียรภาพต้องมีสองลุงอยู่ในสมการหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า คณิตศาสตร์ทางการเมืองชัดเจนอยู่แล้ว ลองไปดูว่าเป็นอย่างไร มันเป็นความจำเป็น และเกณฑ์บังคับให้เราต้องเดิน วันนี้ที่เราเลือกเดินพรรคเพื่อไทยต้องจ่ายต้นทุนสูง และเชื่อว่าประชาชนจะต้องตัดสินใจ