วันที่ 10 ส.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่าน ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า...

จัดรัฐบาล “สุดซอย”

สิ้นสุดการเลือกตั้ง

ประชามติโหวตให้ฝั่ง “ประชาธิปไตยสองพรรคหลัก” ชนะ

ก้าวไกล “ฝันดี” ไม่คิดว่าจะได้มากเป็นอันดับ 1

เพื่อไทย “ฝันร้าย” ไม่คิดว่าจะตกเป็นอันดับ 2

สองพรรคจับมือร่วมตั้งรัฐบาล เซ็น MOU กันเอิกเกริก ชูพิธาก้าวไกลเป็นนายกฯ

เรื่องราวน่าจะจบลงด้วยดีตั้งแต่ “ต้นซอย”

กลับไปเดินสะดุดเอาที่ “กลางซอย” เมื่อสองพรรคทะเลาะเบาะแว้งเรื่อง “ประธานสภา”

ส่ออาการไม่ลงรอยงัดกันเองแย่งตำแหน่ง “ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ”

วันสุดท้ายก้าวไกลพลาดท่ากลายเป็นได้ “อาจารย์วันนอร์”

จากนั้นถึงโหวตนายกฯ

ส.ว. เอา “ปูนกาหัว” พิธาก้าวไกลเรื่อง ม.112

พลาดตำแหน่งนายกฯ ซ้ำด้วยศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส.

ก้าวไกลชอกช้ำ ต้องยกหน้าที่ให้เพื่อไทยคู่ข้าวต้มมัดจัดรัฐบาลแทน

เดินมาถึง “ปลายซอย” เกมการเมืองพลิก

เพื่อไทยตัดสินใจเดินสาย “สลายขั้ว” เพราะรู้ว่าไม่มีทางจัดตั้งรัฐบาลได้ หากไม่หิ้วพรรค 2 ลุงไปด้วย

ยกเอา “วิกฤตบ้านเมือง” ประเทศต้องเดินหน้า สงครามจบแล้วไม่มีแบ่งฝ่าย รวมได้หมด ทั้งภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์

เพื่อไทยดันทุรังจนมาถึง “สุดซอย”

เดินแบบ “ย่ามใจ” คิดว่าออกได้ กลับบ้านแน่

แต่กลับเป็น “ซอยตัน” ไม่มีทางออกไปไหน

9 ปีก่อนเมื่อปี 57 เพื่อไทยก็จัด “นิรโทษกรรมสุดซอย”

ปีนี้ 66 กำลังจัด “รัฐบาลสุดซอย”

ทางกว้างๆ ไม่เดิน ชอบเดินเข้าซอยตัน

ขาย “อุดมการณ์” ทิ้ง แลกการเป็นรัฐบาล

ที่เคยป่าวประกาศประสานเสียงว่า “ไม่เอาพรรค 2 ลุง” ล้วนเป็นเพียงมหกรรม “เทคนิคการหาเสียง”

ส่วนที่ผ่านมากับก้าวไกลเป็นการ “ตบหน้ากลางศาลา” แต่ทำทีไป “ขอขมาที่บ้าน”

อ้อนให้โหวตนายกฯ แต่ดูท่าก้าวไกล “งดออกเสียง”

แผนสุดท้ายแบไต๋ ทั้ง 2 ลุง ประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล

ยกให้นายกฯ “ตัวสูง” แทน “ตัวอ้วน” มาเสนอตัวรับใช้บ้านเมือง

แต่เจอซีรี่ย์แรก “12 คน โอน 12 วัน เลี่ยงภาษี”

ตอนต่อไป “ปั่นที่ บวมเงิน ตัดตอน” รวม EP ให้กระชับ เพราะเวลามีน้อย

ปรากฏการณ์ “ตกสวรรค์” ของนายกฯ ตัวสูง

จะถูกถลกหนังในสภาว่าด้วยเรื่อง “คุณสมบัติ” ของความซื่อสัตย์

แฉครั้งสุดท้าย ต้องมันถึงใจพระเดชพระคุณ

ก่อนจากลา ผ้าม่านปิด