งานนี้ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมานิยาม มีแค่คำเดียวคือ “สวยได้แม่” สำหรับ “วีวี่ เวอร์โรนิก้า” ลูกสาวคนสวยของคุณแม่หน้าไทย “ต้อม รัชนีกร” ที่ควงคู่กันมาออกรายการ “คุยแซ่บShow” ทางช่องOne31 เพราะก่อนหน้านี้ ได้เกิดเป็นไวรัลว่าเด็กสาวคนนี้ทำไมร้องเพลงเพราะจัง หลังไปออกรายการแข่งขันการร้องเพลงมา โดนทั้งคู่มาเม้าท์มอยสไตล์แม่ลูก รับวันแม่ที่กำลังจะมาถึง พร้อมสไตล์การเลี้ยงลูกแบบไม่เหมือนใคร
เห็นว่าคุณแม่ ไม่รู้ว่าลูกร้องเพลงได้?
ต้อม : คือตอนเด็กๆ ไม่ว่าจะร้องเพลง หรือตีกลอง หรืออะไร นางจะไม่ให้แม่รู้ นางจะอาย นางจะเขิน อย่างตอนเด็กที่จะไปประกวดร้องเพลง เราก็เอาลูกไปให้เพื่อนของเราสอน แต่อิแม่ต้องไปอยู่ข้างนอก ห้ามอยู่ตอนที่กำลังสอน ไม่งั้นลูกจะไม่ยอมร้องเพลง แต่เอาก็แอบดูผ่านกระจก อยากรู้ว่าร้องได้ไหม
วีวี่ : หนูเป็นคนขี้เขิน เขินกับทุกคนเลย เขินมากกับคนที่อยู่ใกล้ตัว อย่างวันนี้มาออกรายการและเพื่อนเห็น และมาแซวเราก็เขินไปอีก
แต่ความสามารถวีวี่ขนาดนี้ แต่แพ้คนที่มาร้องลิปซิงค์?
วีวี่ : มันไม่ได้เชิงลิปซิงค์ แต่เหมือนว่าเขาเอาไมค์มาเอง เอาอุปกรณ์มาเอง เขาออโต้จูนกับไมค์ ยังไงเขาก็เพราะกว่าหนูอยู่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ไม่รู้ว่าเขาเตรียมอุปกรณ์มาขนาดนี้ เพราะคิดว่าถ้าคนเราเก่งจริง อุปกรณ์พวกนี้ไม่ต้องใช้ก็ได้นะ ซึ่งเราได้ที่ 2 แต่ก็ไม่ได้เสียใจอะไร แต่แค่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์
ต้อม : ตอนแรกเราก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่เขาก็เล่าให้ฟังว่าคนกรี้ดให้เขาเยอะกว่าคนที่ได้ที่หนึ่งอีกนะ เราก็บอกว่าให้จงภูมิใจเพราะได้เสียงกรี้ดเยอะกว่า
และเรื่องเป็นเนื้องอกในคอตอนกี่ขวบ?
วีวี่ : ประมาณ 10 กว่าๆ ขวบ คือตอนนั้นถ้าจับหรือส่องกระจก คอหนูบวมกกว่าคนปกติ เหมือนคนเป็นไทรอยด์ พอจับๆ เจอเป็นลูกกลม เราก็คิดว่าทุกคนก็อาจจะมี แต่อาจจะใหญ่กว่าคนอื่น จนไปถามแม่ แม่ก็บอกปกติมั้ง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ซึ่งตอนนั้นเราก็ไปหาหมอ เขาก็บอกว่ามันปกติ
ต้อม : พอเขาสงสัยแบบนี้ เราก็เข้าสายมู ให้ขึ้นจุดธูปบอกพระพิฆเนศ เขามีความผูกพันธ์ตรงนี้ ขอว่าถ้าวีวี่เป็นอะไรก็ขอให้พระพิฆเนศบอก จะได้แก้ไขทัน เขาจุดธูปบอกกลางคืน เช้ามาเจ็บทันทีเลย ก็เลยส่งโรงพยาบาล อาการเด่นชัดคือเป็นเนื้องอก หมอก็ผ่าเลย ด้วยการส่องกล้องจากแผลเล็ก ซึ่งค่าใช้จ่ายก็สูง แต่ก็ไหวอยู่ ซึ่งก้อนเท่ากำปั้น
วีวี่ : ตอนนั้นเราก็ไมได้กลัวนะ หมอเขาคุยกับแม่ เราแค่คิดว่ามันกำลังจะออกไปจากตัวเราแล้ว แต่แม่กลัวว่าเราไม่ตื่นเพราะยาสลบ ซึ่งหลังจากนั้นก็ชาๆ ที่แผลไป 6 เดือน ซึ่งพักฟื้นนานเป็นปี กว่าจะกลับมาร้องเพลงได้ เพราะเราไม่มั่นใจในการเปล่งเสียง
อะไรที่ทำให้เรามั่นใจกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง?
วีวี่ : เป็นเพราะว่าเราโตขึ้น สังคมมันทำให้เรารู้ว่าถ้าเรามีของดี เราก็ไม่ต้องเก็บมันไว้ หนูมั่นเกินไปไหมอ่ะ (หันไปถามพิธีกร) เพราะเมื่อก่อนหนูนอยด์บ่อย เพราะมีคนพูดว่าเขาได้ทำแน่ๆ เพราะเขาเป็นลูกดารา ซึ่งไม่ชอบคำนี้
ต้อม : เราก็บอกเขาว่า เขาเลือกลูกเอง ไม่ใช่เป็นเพราะวีวี่มีแม่เป็นดารา
แม่ลูกคู่นี้นิสัยเหมือนกันมาก?
ต้อม : ก็นางบอกว่าส่องกระจกก็คือเหมือนแม่มาก รู้สึกว่านางจะได้แบบเวลาเครียดมากๆ ก็ช่างมัน ปล่อยมันเร็วเหมือนเรา ซึ่งเราก็เป็นแบบนี้ เพราะเราเองก็ปลูกฝังแต่เล็กๆ ว่าอย่าไปใส่ใจกับคนที่นินทาเรา และนางก็จะบอกว่าแม่อย่าซื้อชุดแก่นะ เดี๋ยวหนูใส่ไม่ได้ ส่วนในเรื่องที่งอนกัน คือนางเป็นตั้งแต่ ม.4 เรื่องการเรียน นางมาถามว่าแม่อยากให้เรียนคณะอะไร นี่ก็บอกว่าแล้วแต่ลูกเลย อยากเรียนอะไร ก็เรียน สรุปลูกเครียด ถามกลับว่าทำไมแม่ไม่เหมือนพ่อแม่คนอื่นเขาเลย
วีวี่ : ตอนนั้นมันต้องเข้ามหาลัยฯ มันต้องเลือกสายที่เรียนแล้ว มันเกี่ยวกับอนาคต เราก็เลยถามว่าอยากให้เรียนอะไรดี แต่แม่ตอบกลับว่าก็แล้วแต่ อ้าววว...ก็เราคิดไม่ออก แล้วมาให้แม่ช่วยคิด แม่ก็ไม่ช่วยคิด เราก็งงไปอีก ซึ่งถามว่าคำแนะนำของแม่สำคัญไหม ก็คือจะฟังเป็นคนแรกๆ เลย เพราะเราฟังตัวเองและฟังแม่ด้วย แต่ด้วยคำตอบของแม่ที่อยากให้เราเรียน เรารู้อยู่แล้ว แต่เราก็เลือกในสิ่งที่อยากเรียน เราไม่ได้เลือกเพราะชอบ เพราะเราขี้เบื่อ แม่จะบอกว่าอะไรที่เราทำแล้วชอบ เราจะอยู่กับมันได้จนตาย
ต้อม : เพราะถ้าเลือกในสิ่งที่แม่ชอบ แต่ถ้าลูกไม่ชอบ หนูก็จะไม่มีความสุข และวันที่เขาสอบเทียบได้ เราน้ำตาไหลเลยเราดีใจ เราถามว่าได้ด้วยเหรอ นางส่งไลน์มาให้ดูว่าติดอันดับที่ 11 และเขาก็มากอดเรา พูดกับเราว่าหนูช่วยแม่ได้แค่นี้ เราก็เฮ้ย...ลูกเราโตแล้ว ก็แม่จะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเทอมมัธยมแล้ว เพราะสอบเทียบไปมหาลัยเลย เราก็น้ำตาคลอ
วีวี่ : เราก็เพิ่งรู้ตอนนี้ว่าเขาร้องไห้ ก็เซอร์ไพร์สนิดนึง หนูบอกตลอดว่าเราโตแล้ว แต่แม่ก็ไม่ฟัง(ยิ้ม)
และอะไรทีทำให้ทะเลาะกันครั้งใหญ่?
ต้อม : ตอนนั้นวัยรุ่นตอนต้น เขาไม่อยากให้เรามีแฟน เราไม่คิดเลยว่าลูกเราจะหน้าตาร้ายกาจขนาดนี้ เขาทำทุกวิธีทาง พูดแรงมาก เขาไม่เคยมีสายตาแบบนี้ มันรุนแรงมาก เหมือนเขากลัวว่ามีใครจะมาแย่งความรักไปจากเขา
วีวี่ : ตอนนั้นหนูก็เด็ก และเราก็ไม่มีแฟน ก็เลยไม่เข้าใจว่าจะมีไปทำไม
ต้อม : และอีกเคสนึง เขาอยากรู้เรื่องพ่อเขา แต่เราไม่เคยบอกเขาเลย จน ณ วันนั้นเขาดื้อกับเรา เพราะเรื่องนี้เป็นเหตุเลยบอกว่ารู้ได้ แต่ห้ามเกลียดพ่อ เขาเลยพูดกลับมาว่าทำไมเขาทำกับแม่หนูแบบนี้ และตั้งแต่นั้นก็เปลี่ยนความคิด ก็เลยบอกว่าเราต้องให้โอกาสคนอื่นนะ เราไม่รู้ว่าแต่ละคนที่เข้ามาเป็นแบบไหน เพราะไม่มีประโยคของคำว่าเฮียอยู่ที่หน้าผาก
ตอนนี้รับได้ไหม ถ้าแม่มีแฟน และแม่มีแฟนไหม?
วีวี่ : รับได้แล้วค่ะ
ต้อม : มีค่ะ คนนี้คือเขาต้องรับลูกเราได้ และลูกต้องโอเคกับเขา ก็บอกเขาไปว่าถ้าหนูไม่โอเคก็ต้องบอกแม่เลยนะ แม้แม่จะรักเขามาก แต่แม่ก็จะเลิกเพื่อลูก
วีวี่ : ปัจจุบันเราก็โอเค โอเคมากๆ
ต้อม : ซึ่งถามว่าทำไมเราไม่เปิดตัว คือเขาไม่ยอมเปิด แต่จริงๆ ก็ไปด้วยกันทุกที่ เขาก้อยู่ของเขาแบบชิลล์ๆ อายุห่างกัน 8 ปี เขาเด็กกว่า
แล้วถ้าลูกมีแฟนล่ะ?
ต้อม : ตอนแรกๆ ที่เขามาปรึกษา เราก็ตุ้มๆ ต่อมๆ แต่เขาชอบใคร เราก็ชอบด้วย ก็มากินข้าวด้วยกัน และนางก็บังคับทุกอย่าง คือถ้ากอดนาง ก็ต้องกอดแฟนนางด้วย แต่เขาไม่ใช่ลูกฉัน ทำไมฉันต้องกอดมันด้วย (หัวเราะ) แต่ก็ต้องดูๆกันไปแหละ