เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 10 ส.ค. 66 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า รู้สึกคิดถึงรัฐสภา ซึ่งวันนี้มี สส.พรรคก้าวไกลอภิปราย และมีเรื่องที่ต้องรายงานหลายเรื่อง วันนี้จึงถือโอกาสมาให้กำลังใจ สส. และมากินไอศกรีมมหาชัยร้านโปรดที่โรงอาหารรัฐสภา โดยได้ซื้อไอศกรีมกะทิสดใส่ลอดช่อง และน้ำมะพร้าวปั่นพร้อมกับนายปฏิพัทธ์ สันติธาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ซึ่งเมื่อซื้อไอศกรีมเสร็จแล้ว นายพิธา ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า "ไม่มีนัยยะอะไร ไม่ใช่มีช่องให้ลอด แต่ชอบกินก็เท่านั้น" จากนั้นนายพิธาได้นั่งกินไอศกรีมที่โต๊ะในโรงอาหารโดยผู้สื่อข่าวหยอกว่าพรุ่งนี้ร้านไอศกรีมมหาชัยแตกแน่นอน นายพิธาจึงกล่าวว่า "มหาชัยก็ สส.เขตผม"
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าพร้อมที่จะขอขมา และขอโทษ เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากพรรคก้าวไกลในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทย จะให้อภัยพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า การพูดคือเมื่อวานนี้เป็นการรับฟังกัน และตนได้พูดกับสื่อมวลชนสั้นๆ ไปแล้ว ว่า ต้องสื่อสาร และรับฟังกันทั้งสองฝ่าย หากฝั่งใดฝั่งหนึ่งมีคำถาม ก็จะมีการนัดพูดคุยกันเรื่อยๆ หากเป็นประเด็นที่สำคัญ ก็ต้องรับฟัง และคิดอย่างรอบคอบ
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าจะรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลเพื่อสลายขั้วต่างๆ ในทางการเมืองนั้น นายพิธา กล่าวว่า ตนก็รับฟัง และตั้งไจฟังในสิ่งที่เขานำเสนอ หากฟังแล้วมีคำถามต่อ ตนก็จะถามไปยังน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยกลับไปว่าหมายความว่าอย่างไร ในช่วงสัปดาห์นี้ น่าจะเป็นการรับฟังมากกว่า และต้องรอดูสถานการณ์ว่าจะสามารถคลี่คลายได้หรือไม่ อีกทั้งยังมีเรื่องที่จะต้องคิดให้รอบคอบอีกหลายเรื่อง โดยจะต้องยึดในสิ่งที่เราเคยสัญญาตอนหาเสียงกับประชาชน ซึ่งต้องอธิบายได้ว่ามีหลักประกอบการพิจารณาอย่างไรบ้าง
เมื่อถามถึงกรณีที่สส.ของพรรคก้าวไกล โพสต์เฟสบุ๊กเพื่อหยั่งเสียง และสอบถามความเห็นของประชาชน ว่าอยากให้พรรคก้าวไกลโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า อย่าฟังเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง เพราะการเป็นผู้แทนราษฎร คนที่มีอำนาจจริงๆ คือราษฎร เวลาลงพื้นที่ก็ลองถามความเห็นดู เมื่อคิดไม่ออกว่าจะตัดสินใจอย่างไร ก็ให้กลับไปถามประชาชน อาจจะมีน้ำหนักและเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจ พร้อมย้ำว่า ตอนนี้ยังไม่ได้อยู่ในกระบวนการตัดสินใจ แต่อยู่ในกระบวนการคิดให้รอบคอบ
เมื่อถามว่า ในการโหวตนายกรัฐมนตรี สส.ของพรรคก้าวไกลจะโหวตตามมติพรรค หรือปล่อยฟรีโหวต นายพิธากล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลาคิด เมื่อถามต่อว่า กังวลหรือไม่ หากไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทยการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำได้ยากนายพิธา กล่าวว่า ยังพิจารณาอยู่ เพราะระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ก็มีความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้งซึ่งแต่ละคน และแต่ละพรรค จะโหวตไปในทิศทางใดประชาชนก็เห็นๆ กันอยู่ ถ้าพิจารณาจากองค์ประกอบที่ผ่านมาการจะนำบางพรรคการเมืองที่เคยขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก็ดูเป็นความขัดแย้งอยู่ จึงเป็นประเด็นที่จะต้องซักถามต่อพรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากครั้งต่อไปโหวตนายกฯ ไม่ได้ มองการเมืองอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่อยากให้คอมเมนต์ที่กระทบกับพรรคเพื่อไทย ให้พรรคเพื่อไทยทำงานได้อย่างเต็มที่ก่อน พอเกิดขึ้นจริง ๆ ค่อยคอมเมนต์กันอีกที พูดอะไรออกไปมีน้ำหนัก ต้องระมัดระวัง
เมื่อถามว่าหากวันที่ 16 ส.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าเสนอชื่อซ้ำได้ แผนต่อไปของพรรคก้าวไกลคืออะไร นายพิธา กล่าวว่า ก็ต้องรอดูอีกที หากดูตามข้อบังคับที่ 41 หากมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น เสนอชื่อตนเองอีก แล้วมีชื่ออีกคนมาประกบคู่ ไม่ต้องรอคำสั่งศาลก็สู้ได้เลย คิดว่าโอกาสที่จะกลับมายังมีอยู่ เพียงแต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม เป็นเรื่องข้อบังคับและกฎหมายที่ต้องรอ ตอนนี้พยายามใช้เวลาให้เต็มที่ ช่วยเป็นกำลังใจให้ สส.หน้าใหม่ และลงหาเสียงที่จังหวัดระยอง
เมื่อถามว่ายังมีโอกาสใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่าถ้ามีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง มารยาททางการเมืองเราส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยไปแล้ว ต้องให้พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เราไม่ควรขัดขวางเขาในกระบวนการ เป็นคนละเรื่องจะโหวตให้หรือไม่โหวตให้ "เรารับฟัง รับฟัง รับฟัง"
สำหรับพื้นที่จังหวัดระยอง เขต 3 จะรักษาเก้าอี้ได้แน่นอนใช่หรือไม่ นายพิธา ระบุว่านายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัคร สส.เคยอยู่พรรคอนาคตใหม่มาก่อนตนเอง คงมีความเข้มข้นในการทำงาน เวลาลงพื้นที่ภาคตะวันออกจะมีนายพงศธรปราศรัยก่อนตลอด เขาคุ้นเคยพื้นที่เป็นอย่างดี เป็นบุคคลที่ดีที่สุดที่มีอยู่ตอนนี้ พร้อมถามกับสื่อมวลชนว่าฝ่ายคนอื่น ประกาศว่าส่งใครหรือยัง เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ นายพิธาจึงถามว่า นายสาธิต ปิตุเตชะลงเองหรือไม่ ก็ดีแม้จะเป็นการเลือกตั้งซ่อมแต่มีการแข่งขันย่อมดีกว่า ให้ประชาชนมีตัวเลือก ทั้งนี้จากการลงพื้นที่จังหวัดระยองเสียงตอบรับแน่นมาก "ระยองหนึ่งในใจ" ในภาคตะวันออกมีความเข้มข้น มีอัตลักษณ์เป็นของตนเองเป็นพื้นที่แรงงาน มีรายได้และความเหลื่อมล้ำสูง มีปัญหาสิ่งแวดล้อมและท่าเรือ
ส่วนกรณีที่ สส.พรรคก้าวไกลโพสต์ข้อความ สอบถามความเห็นประชาชน จะโหวตให้กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ถือเป็นเอกสิทธิ์ สส.ในพื้นที่นั้น ๆ เขาคงอยากจะลองสอบถามเสียงของประชาชนที่เป็นเจ้าของอธิปไตยที่แท้จริง ส่วนที่หลายคนมองว่าเป็นการฟ้องประชาชนคงไม่ใช่การฟ้อง แต่เป็นการถาม เท่าที่เห็นและได้คุยกับบางคน ตนเองก็บอกว่าอย่าฟังเฉพาะช่องทางใดช่องทางหนึ่ง อยากให้วันเสาร์-อาทิตย์ไปลงพื้นที่เยอะ ๆ แก้ไขปัญหาประชาชน ต้องคิดให้รอบคอบในหลายมิติ
เมื่อถามว่าขณะนี้มีปัญหาเรื่องผู้นำฝ่ายค้านกับตำแหน่งของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีบอกว่าจะต้องเลือก นายพิธา กล่าวว่าพรรคมีทางออกที่เหมาะสม เพียงแต่รอให้ถึงเวลา เรื่องนี้เราทราบมาตลอด "ผมอาจจะไม่ได้เป็นฝ่ายค้านก็ได้ใครจะไปรู้" นายพิธา กล่าว
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยแถลงข่าววันนี้ มีความมั่นใจว่าการโหวตนายกฯ จะม้วนเดียวจบ นายพิธา ตอบสั้น ๆ ว่า ก็เป็นกำลังใจให้พรรคเพื่อไทย
นายพิธา ยืนยันว่าไม่ได้ฝ่าฝืนคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วเข้าสภา เพราะวันนี้ตอนเข้าก็ได้นำบัตรประชาชนไปแลก ไม่ได้ใช้สิทธิ์สส. วันนี้มากินข้าวตามปกติ เพื่อให้สส.พรรคก้าวไกลอุ่นใจว่าหัวหน้าไม่ได้ทิ้ง ยังฟังคำอภิปรายของพวกเขาอยู่ และเป็นกำลังใจในการทำงานให้กับพวกเขา พร้อมกับโชว์บัตรให้ผู้สื่อข่าวเพื่อยืนยัน
"อยากจะส่ง soft Power ไปให้พวกเขา ว่าหัวหน้ากำลังติดตามอยู่ ชื่นชมในการอภิปรายครั้งแรก แล้วยังหวังว่าจะได้รีบกลับมาในสภาโดยเร็ว เพราะมีหลายเรื่องที่พรรคเตรียมไว้" นายพิธา กล่าว
นายพิธา ยอมรับว่าวันนี้กำลังใจยังดี มีเยอะพอที่จะมาแบ่งคนอื่น
เมื่อถามว่าหากสุดท้ายแล้วพรรคก้าวไกลได้เป็นฝ่ายค้าน การตรวจสอบจะเข้มข้นอย่างไร นายพิธาระบุว่า "แน่นอนหน้าที่ใครหน้าที่มัน แต่อยากจะบอกว่าถ้าเป็นฝ่ายบริหาร จะทำงานได้เข้มข้นกว่า ต้องการที่จะเป็นฝ่ายบริหารที่ทำงานด้วยข้อมูล และรวดเร็ว ให้ได้ผลลัพธ์มากที่สุด และเปลืองภาษีประชาชนให้ได้น้อยที่สุด ใช้งบประมาณไม่ตรงกับความท้าทายของยุคสมัย ฉะนั้นใครที่เคยประทับใจการทำงานเมื่อตอนที่เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งตอนนี้ก็ต้องตามมารยาททางการเมืองให้พรรคเพื่อไทยจัดไปก่อน สักวันหนึ่งหากเปลี่ยนใจ อยากให้คนรุ่นใหม่ ได้ลองทำงานลองดูซิว่าจะเป็นอย่างไร ตนก็พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ เพราะคิดมาอย่างถี่ถ้วนพอสมควร ได้ศึกษาวิธีการแก้ไขปัญหาของแต่ละประเทศมา อยากจะทำงานให้เห็นว่าประเทศไทยไปไกลได้มากกว่านี้ ฉะนั้นหากประทับใจ ความเข้มข้นของฝ่ายค้านถ้าเป็นรัฐบาลเข้มข้นกว่าแน่นอน"
จากนั้นนายพิธาได้เดินไปทักทายในรังสิมันต์โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลพร้อมสวมกอด พร้อมระบุว่ามาให้กำลังใจ และพูดคุยถึงเรื่องที่นายรังสิมันต์เดินทางไปประชุม ที่อินโดนีเซีย ซึ่งได้พูดคุยกับ พ.ท.หญิงแทมมี ลัดดา ดักเวิร์ธ สว.สหรัฐอเมริกาที่เป็นคนไทย
ช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวได้แซวในรังสิมันต์โรมต่อหน้านายพิธาว่านี่จะเป็นหัวหน้าคนต่อไปใช่หรือไม่ ทำให้นายพิธาหัวเราะนายรังสิมันต์จึงตอบกลับว่า โอ๊ยอย่าเพิ่งเลยครับ
นอกจากนี้นายพิธา ยังเปิดเผยว่าปัญหาสุขภาพตอนนี้แข็งแรงดี ขณะที่สื่อแซวให้เบ่งกล้ามโชว์ นายพิธาปฏิเสธพร้อมระบุว่าอายคน เดี๋ยวเบ่งแล้วมันไม่มี ช่วงนี้ฝนตกไข้หวัดมีหลายสายพันธุ์ ขอให้ประชาชนและพี่น้องสื่อมวลชนช่วยกันระวัง