เสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว ! ‘พท.’แถลงจับมือ 6 พรรคการเมืองฝ่าวิกฤตรธน. สลายขั้วการเมืองทุกฝ่ายเดินหน้าขอเสียง สส.-สว.หนุนโหวตนายกฯ ด้าน’สุวัจน์’ ยกเหตุผล 5 ข้อเข้าร่วมรบ.ขณะที่ “ทวี” ชี้ ช่วย “พท.” ตั้งรัฐบาลเป็นภารกิจสำคัญสู่การแก้ปัญหาประเทศ ขีดเส้นนายกฯต้องจบที่พรรคอันดับ 2 หลุดจากนี้ไม่ใช่หลักประชาธิปไตย ด้าน “เสรีพิศุทธ์” ยกตัวอย่าง “สามก๊ก” เปรียบพรรค 2 ลุงเป็นทัพข้าศึก แม่ทัพไม่อยู่หรือยอมแพ้แล้ว ก็ควรเก็บกำลังพลไว้ใช้งาน ขอให้เปิดใจ
วันที่ 9 ส.ค.2566 เวลา 12.37 น.ที่รัฐสภา แกนนำ 6 พรรคการเมือง นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ นายบัญชา เดชเจริญศิริกุล หัวหน้าพรรคท้องที่ไทย และพรรคเพื่อไทรวมพลัง ร่วมกันแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาล
โดนนพ.ชลน่าน อ่านแถลงการณ์ ว่าวันนี้ พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมืองประกอบด้วย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทยรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย และรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองคาดหวังอย่างยิ่งว่า จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมือง ทุกฝ่าย เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง และเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว ที่ขณะนี้กำลังเผชิญความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤตความขัดแย้งในสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งขั้ว การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็น “วาระประเทศ” ที่สำคัญอย่างสูงสุด
“เราอยากขอวิงวอน ให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ”
จากนั้นนายสุวัจน์ กล่าวว่า ขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ได้ให้เกียรติเชิญพรรคชาติพัฒนากล้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังจากที่ได้ให้ความคิดเห็นครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทย วันนี้พรรคชาติพัฒนากล้ามีความยินดีที่จะบอกว่า เราตอบรับคำเชิญในการเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ส่วนเหตุผลในการตอบรับมีอยู่ 5 ข้อ ได้แก่ 1.พรรคเพื่อไทยได้ชื่อว่าเป็นพรรคที่มีความชอบธรรม เพราะเป็นพรรคอันดับสอง ซึ่งเมื่อพรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็เป็นหน้าที่ของพรรคอันดับสอง 2.พรรคเพื่อไทยได้ยืนยันว่า ขณะนี้รวบรวมเสียงของสมาชิกสส.ได้เกินกึ่งหนึ่งแล้วแน่นอน จึงทำให้มั่นใจได้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในขณะนี้เป็นพรรคเสียงข้างมาก
3.ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะไม่มีนโยบายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ข้อ 4.พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลมีความแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ พรรคชาติพัฒนากล้าจึงมีความมั่นใจ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา และมีนโยบายที่ทำให้เห็นแล้วในอดีต ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนต้องการเห็นการแก้ไข ทั้งบรรยากาศการลงทุน การส่งออก จำนวนนักท่องเที่ยว รวมทั้งปัญหาสินค้าราคาแพง
ซึ่ง 4 ข้อข้างต้น ก็เป็นนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าเช่นเดียวกัน ข้อที่สำคัญที่สุด คือข้อที่ 5.มาถึงวันนี้แล้วเกือบสามเดือนหลังจากการเลือกตั้งที่เรายังไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลรักษาการมีขีดจำกัดในการบริหารประเทศ ในขณะที่วิกฤติเศรษฐกิจรอไม่ได้
“ฉะนั้นวันนี้เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ต่างประเทศ สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และลดความกังวลใจของพี่น้องประชาชนในประเทศ ว่าเรากำลังจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ฉะนั้น การที่ปล่อยให้บ้านเมืองมีสุญญากาศจะไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย พรรคชาติพัฒนากล้า จึงเห็นว่าจะต้องร่วมมือกันในการสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ และเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และมีกระบวนการการจัดตั้งรัฐบาลที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ” นายสุวัจน์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า พรรคประชาชาติ ได้ร่วมกับ 8 พรรคการเมืองเดิม ว่าเราจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่มีการเลื่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หากในวันดังกล่าวมีการโหวต ทั้ง 8 พรรคเดิมจะโหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ส่วนนี้คือหลักการ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าวิกฤตขณะนี้เรื่องใหญ่คือหน้าที่สภาช่วงเปลี่ยนผ่าน เราต้องรับภารกิจของรัฐธรรมนูญที่การเห็นชอบแต่งตั้งนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เราตกลง 8 พรรคเดิม จะเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ เราตระหนักว่าพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 มีความชอบธรรม ดังนั้น ภารกิจขณะนี้จึงต้องช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการรวมรวมเสียงให้ได้ 375 ขึ้นไป เพื่อให้ได้นายกฯ ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการสรรหาผู้มาเป็นรัฐมนตรี และแก้ปัญหาประเทศ
“พรรคประชาชาติขอให้เดินทางไปถึงแค่พรรคอันดับ 2 คือพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่จะเป็นนายกฯ หากออกจากหลักการนี้ไม่ใช่หลักประชาธิปไตย” พ.ต.อ.ทวี กล่าว และว่าวันนี้ปัญหาประเทศเป็นสิ่งสำคัญจึงต้องมีนายกฯ จากนั้น ตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นสิทธิของนายกฯพิจารณา ฉะนั้น จึงยังไม่มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเลย ในส่วนนโยบาย พรรคประชาชาติยังแสดงจุดยืนในนโยบายต่างๆ โดยเชื่อว่าพรรคแกนนำคงรับฟังไปประกอบสำหรับอะไรที่เป็ยประโยชน์ต่อประเทศ
ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว พรรคก้าวไกลมีคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 เราก็มีมติร่วมกันว่าจะสนับสนุนพรรคก้าวไกลให้บริหารประเทศ และทำทุกอย่าง แต่ปรากฏว่าพรรคก้าวไกล ไม่สามารถเดินไปสู่จุดนั้นได้ ก็งต้องเปลี่ยนให้พพรรคเพื่อไทยในการที่จะจัดการบริหารประเทศ โดยเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทยก็กำลังดำเนินการทุกวิธีการ เพื่อสลายขั้วทางการเมืองทุกฝ่าย เพื่อเดินหน้าบริหารประเทศให้ได้ ดังนั้นจึงขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจว่าขณะนี้บางทีมีการเข้าใจผิดกันว่า ตอนหาเสียงเคยพูดไว้อย่างโน้นอย่างนี้อย่างนั้น และต้องยึดมั่นไปละเมิดไม่ได้
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนอยากจะเรียนว่าการหาเสียงก็คือการหาเสียง เพื่อให้คะแนนเสียงมาบริหารประเทศ ไม่ใช่นโยบายพรรค ส่วนนโยบายพรรคจะทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ ให้กับพี่น้องประชาชนแล้วไม่ทำ ถือว่าผิดสัญญา เพราะฉะนั้นในเรื่องของการหาเสียงเป็น เรื่องปกติเมื่อจบไปแล้ว ได้คะแนนมาเท่าไหร่ก็มาบริหารกันไป ขณะเดียวกันมีบางเสียง ให้รวมพรรคนั้นได้ให้รวมพรรคนี้ไม่ได้ จึงอยากขอให้ไปดูสามก๊ก หรือไปดูประวัติศาสตร์ชาติไทย ในสมัยก่อน กษัตริย์ทำศึกสงครามอะไรต่างๆ ถ้าฆ่าแม่ทัพตายไปแล้ว เราจะเอาพลพ่ายไว้เลี้ยงดูต่อไปไหม หรือจะเอามาปลูกข้าวดำนา หรือทำโน้น ทำนี่ไหม หรือจะเอาไปฆ่าทิ้งให้หมด
“ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯก็ไปแล้ว ไม่มีแล้วแม่ทัพ เราควรจะเอาไหม บางคนก็บอกไม่ได้ แต่ผมคิดว่าควรจะเลี้ยงดูไว้ หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐแม่แม่ทัพยังอยู่ แต่แม่ทัพก็ยอมแพ้ไปแล้ว จะเอาพลค่ายต่างๆมาเลี้ยงดูไหม ก็ฝาก ให้ประชาชนเป็นข้อคิด ว่าขอให้เปิดใจให้กว้าง เพื่อสนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว