วันที่ 8 ส.ค.2566 ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงการรวมพรรคของพรรคเพื่อไทย (พท.)และพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ในการจัดตั้งรัฐบาลว่า วุฒิสภาต้องรอให้แต่ละพรรคการเมืองที่ไปจัดตั้งรัฐบาลรวมตัวกันให้เสร็จ เพราะต้องการให้รัฐบาลมีเสถียรภาพต้องได้เสียงเกินกว่า 250 คนขึ้นไป ซึ่งตอนนี้ได้ 200 กว่าแล้ว คงต้องดูว่าแต่ละพรรคที่จะมารวมตัวกันว่ามีพรรคใดบ้างเพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพและคนที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลคงต้องไปตกลงกันว่าจะเอาชื่อที่อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใด แม้พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯแต่ระยะเวลายังมีอยู่ ก็คงต้องรอต่อไปว่าสุดท้ายการเสนอชื่อในสภาจะเป็นชื่อใดกันแน่
เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยรวมเสียงได้เกิน 253 เสียงแล้ว สว.มีความมั่นใจเพียงพอหรือไม่ในการจัดตั้งรัฐบาล นายเสรี กล่าวว่า พรรคการเมืองต้องไปตกลงกันให้ได้ว่าพรรคใดจะมาร่วม แต่การที่จะมี 2 ลุงอยู่หรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคต้องตกลงกันเอง ในส่วนของ สว.คงต้องรอว่าจะสำเร็จมากน้อยเพียงใด หากตอบตอนนี้จะกลายเป็นว่าเราไปสนับสนุนพรรคนั้น พรรคนี้อาจจะไม่เหมาะสม
เมื่อถามว่าแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยตอนนี้ยังเป็นนายเศรษฐา อยู่ ทางส.ว.จะให้ความเห็นชอบหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า อยู่ในเกณฑ์พิจารณามากกว่า เพราะการเสนอชื่อมาแล้วต้องอยู่ในมาตรฐานที่เราเคยตัดสินใจไปแล้วว่า 1. ต้องไม่แตะมาตรา 112 หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์ ถือเป็นหลักสำคัญในการพิจารณาครั้งก่อน 2. ดูคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคนที่ได้รับการเสนอชื่อขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ 3.นโยบายของแต่ละพรรคเพื่อนำมาประกอบในการตัดสินใจ ถือว่ามีส่วนสำคัญเพราะมีผลกระทบกับประชาชน
เมื่อถามว่า ทางสว.จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของนายเศรษฐา ในกรณีเลี่ยงภาษีที่ดินหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ตอนนี้มีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พชปร.)มายื่นตรวจสอบแล้ว ซึ่งทางกรรมาธิการจะพิจารณารายละเอียดในการประชุมกรรมาธิการในวันนี้ ซึ่งจะดูในเรื่องที่ร้องเรียนมามีเรื่องใดบ้าง เกี่ยวข้องกับกรรมาธิการหรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้องก็พิจารณา ถ้าไม่เกี่ยวข้องก็ส่งต่อให้กรรมาธิการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการต่อ
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องตรวจสอบให้เสร็จก่อนการโหวตนายกฯครั้งต่อไปหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ควรตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะเป็นเหตุผลสำคัญของคนที่จะมาบริหารประเทศ อย่างไรก็ตามต้องวางแนวทางว่าต้องไม่อคติและต้องดูตามเหตุผลไป
เมื่อถามว่า กรณีที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ระบุว่านายกฯคนต่อไปไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทยทำให้หลายคนมองว่าเป็นธงของสว.ในการโหวตเลือกนายกฯหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ไม่ ตนคิดว่าเป็นเหตุผลของนายกิตติศักดิ์เอง คงเป็นดุลยพินิจของบุคคล เราคงฟันธงตอนนี้ไม่ได้ เพราะในที่สุด ยังไม่รู้เลยว่าพอถึงเวลาจริงการเสนอชื่อในสภาต้องใช้เสียง 1 ใน 10 จะเป็นท่านใด ต้องรอกันนิดหนึ่ง
เมื่อถามว่า ส.ว.อยากให้นายเศรษฐามาแสดงวิสัยทัศน์ด้วยตัวเอง นายเสรี กล่าวว่า ใช่ ตนเรียนไว้แต่แรก คำถามหรือข้อสงสัยถึงความเหมาะสมในการเป็นนายกฯจะขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ ซึ่งคนที่ได้รับการเสนอชื่อต้องขออนุญาตประธานสภาฯมาแสดงวิสัยทัศน์ ต้องตอบคำถามของสมาชิกที่อยากจะทราบข้อมูลในหลายๆเรื่อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่คนที่ได้รับการเสนอชื่อด้วย
เมื่อถามว่า หากพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)และพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมรัฐบาลจะมีผลต่อการโหวตของ สว.หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า แล้วแต่บุคคล มีผลหรือไม่ตนคิดว่าทุกพรรคที่เสนอชื่อมา สว.ต้องพิจารณาทั้งหมด คงไม่เลือกพรรคในการพิจารณา แต่ก็เป็นปัจจัยสำคัญในแต่ละพรรคที่ต้องตกลงกันเอง
เมื่อถามย้ำว่า การลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ นายกฯไม่เกี่ยว แต่อยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า ต้องดูให้การจัดตั้งรัฐบาลมีความเข้มแข็ง แต่ละพรรคที่มาร่วมต้องไม่สร้างปัญหาในมวลหมู่ทางการเมืองหรือไม่ สร้างปัญหาให้กับประเทศชาติด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าในสถานการณ์ปัจจุบันมีการแสดงออกทางการเมืองที่ก้าวร้าว รุนแรง แต่บางพรรคไปอยู่เบื้องหลังยุยงส่งเสริมให้ทำเรื่องเหล่านี้ บ้านเมืองก็ไม่สงบอย่างที่เห็น แต่พรรคนี้ไปแสดงออกที่ไหน คนกลุ่มนี้ก็ไปสนับสนุน ก็คงมองเห็นว่าใครสนับสนุนใคร ซึ่งไม่ดีต่อบรรยากาศของประเทศโดยรวม เพราะฉะนั้นความเป็นนักกการเมืองและพรรคการเมืองต้องมีความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาร่วมกัน ไม่ใช่จะไปก้าวร้าวกับใครก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำ ตนคิดว่าทำให้การเมืองเราไปสู่ทางตัน บ้านเมืองก็เสียหายเพราะเล่นการเมืองแบบไม่รับผิดชอบกัน