"ปลัด ศธ." เผยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 93 ปี 279 เดือน ข้าราชการระดับ 8 ตัวการโกงเงิน"กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต" เสียหายเกือบ 100 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 7 ส.ค.66 นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆนี้ ได้รับแจ้ง จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่า ขณะนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษากรณีข้าราชการระดับ 8 ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานปลัด ศธ. ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต อาศัยโอกาสที่มีหน้าที่ขออนุมัติเบิกจ่ายเงินของกองทุนฯให้กับนักเรียนนักศึกษาที่เป็นผู้ยากไร้ ขาดแคลนทุนทรัพย์ศึกษา จัดทำเอกสารขออนุมัติ และระบุรายละเอียดหมายเลขบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นเท็จ โดยมีน้องชาย จำเลยที่ 2 และอดีตลูกจ้าง ศธ. จำเลยที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ทำให้สำนักงานปลัด ศธ. หลงเชื่อ เบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งบุคคลอื่น ๆ ซึ่งเป็นญาติและคนรู้จักของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนฯ มากกว่า 30 คน รวมจำนวน 35 ครั้ง เป็นเหตุให้นักเรียน นักศึกษาได้รับความเดือดร้อน และ ศธ.ได้รับความเสียหายเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งเหตุดังกล่าวนี้เกิดขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคม 2548 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2560
ต่อมา คณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้สอบสวนข้อเท็จจริงและพิจารณาชี้มูลความผิดทางอาญากับผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวและส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง เพื่อให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีอาญา ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษา สรุปว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดจำนวน 35 กรรม เป็นความผิด ตามมาตรา 157 มาตรา 162(4) ของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา123/ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 รวมทุกกระทงความผิด ให้ลงโทษจำคุก 93 ปี 279 เดือน สำหรับ จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานผู้สนับสนุน ให้ลงโทษจำคุก 34 ปี 102 เดือน และ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานผู้สนับสนุน ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี 18 เดือน ศาลไม่รอการลงโทษ และให้จำเลยทั้งสามคน ร่วมกันชดใช้เงินให้กับผู้เสียหาย ที่ยังไม่ได้ชดใช้คืนจำนวน 64 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย โดยในวันอ่านคำพิพากษา จำเลยทั้ง 3 รายได้เข้าฟังคำพิพากษาด้วย และถูกจำคุกตามคำสั่งศาลทันที
"ในส่วนของศธ.จากนี้รอคัดคำสั่งศาล เพื่อดำเนินการกับจำเลยทั้ง 3 คน และเตรียมใช้มาตรการทางปกครอง ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ ของจำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าหน้าที่ และผู้ทุจริต โดยตรง ทั้งนี้ การทุจริตดังกล่าว จำเลยที่ 1 ให้การสารภาพ ว่า ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวข้องกับผู้บังคับบัญชา แต่จะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่การเงิน ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนฯ ในขณะนั้น โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการลงโทษทางวินัยผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่เมื่อศาลมีคำพิพากษาออกมา ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะต้องถูกดำเนินการทางการปกครอง เพื่อร่วมชดใช้ความเสียหายต่อไป อย่างไรก็ตาม จากนี้ ศธ. จะต้องเสนอเรื่องทั้งหมดให้กระทรวงการคลังตรวจสอบ เพื่อดูรายละเอียดว่า แต่ละคนจะต้องชดใช้ค่าเสียหายรายละเท่าไร" ปลัดศธ. กล่าว