ก.ล.ต.ขอให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำความผิด 6 ราย ต่อศาลแพ่ง กรณีขายหุ้น PTG โดยอาศัยข้อมูลภายใน

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขอให้พนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำความผิด 6 ราย กรณีขายหุ้นบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) โดยอาศัยข้อมูลภายในที่ตนรู้หรือครอบครอง เปิดเผยข้อมูลภายใน และช่วยเหลือการกระทำความผิด เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง เรียกให้ชำระเงินรวม 68,456,936 บาท พร้อมดอกเบี้ย กำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร พร้อมรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ตามที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) ได้มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิด 6 ราย ได้แก่ (1) นางฉัตรแก้ว คชเสนี (2) นางสาวลภัสอร คชเสนี (3) นายสหัสชัย คชเสนี (4) นายเขมภพ คชเสนี (5) นางกชกรณ์ พิบูลธรรมศักดิ์ และ (6) นายธราธร พิบูลธรรมศักดิ์ โดยกำหนดให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. อันเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด คิดเป็นเงินรวม 51,540,993 บาท และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นระยะเวลา 12 – 31 เดือน (แล้วแต่กรณี)* แต่เนื่องจากผู้กระทำความผิดทั้ง 6 รายไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต.จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดทั้ง 6 ราย ต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยให้ชำระเงินรวมทั้งสิ้น 68,456,936 บาท พร้อมดอกเบี้ย รวมทั้งกำหนดห้ามผู้กระทำความผิดทั้ง 6 ราย ซื้อขายหลักทรัพย์หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และกำหนดห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ ในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ

อนึ่ง ก.ล.ต. ได้นำส่งการดำเนินการดังกล่าวต่อ ปปง. เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่