ตำรวจไซเบอร์ ประชุมทีมสืบสวนสอบสวนคดีลักลอบเข้าระบบของกรมการขนส่งทางบก เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลรถก่อนนำเล่มทะเบียนไปขาย เตรียมเรียก"มาริโอ้" เข้าพบสัปดาห์นี้
จากกรณีชุด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมขนส่งทางบก ทางบก และตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(บช.สอท.) เปิดปฏิบัติการ "พลิกถนนล่า รหัสโจรกรรม" จับ 2 ผู้ต้องหาแก๊งสวมทะเบียนรถ โดยแอบใช้รหัสยูสเซอร์เนอม-พาสเวิร์ดของเจ้าหน้าที่ขนส่ง เข้าไปเจาะข้อมูลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลรถยนต์ จากนั้นไปแจ้งหายเพื่อทำเล่มทะเบียนใหม่ ก่อนนำไปจำนำหรือขาย โดยปูพรมยึดรถได้65 คัน มูลค่ากว่า 77 ล้านบาท สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่มีทั้งดารานักแสดงดัง ในจำนวนนี้มีพระเอกชื่อดังอักษรย่อ "ม."กลุ่มไฮโซและคนเล่นรถโบราณ เบื้องต้นตำรวจได้ออกหมายเรียกตาราคนดังกล่าวมาสอบปากคำ ก่อนที่ภายหลัง "มาริโอ้ เมาเร่อ" ได้ออกมายอมรับว่าเป็นดารา "ม" ที่มีชื่อเอี่ยวโยงแก๊งดังกล่าว หลังซื้อรถมาจากรุ่นพี่ที่รู้จัก
พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจเตรียมให้ปากคำกับทางตำรวจ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 7 ส.ค. ที่บช.สอท. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า ทางบช.สอท. ได้ทำหนังสือไปยังกรมศุลกากร เพื่อขอข้อมูลการนำเข้ามาของตัวรถหรือซากรถยนต์ ว่ามีการนำเข้ามาหรือสำแดงเข้าถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้ได้ให้ชุดทำงานนำรถยนต์ของกลางที่ตรวจยึดได้ ส่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบว่ามีการปลอมแปลงหรือดัดแปลงตัวถังส่วนควบรถหรือไม่อย่างไร อีกทั้งในส่วนของพยานหลักฐานที่ตรวจยึดที่เป็นเล่มทะเบียนรถต้องนำไปตรวจสอบว่ามีบุคคลใดเป็นผู้ครอบครองก็จะต้องออกหมายเรียกมาทำการสอบสวน
ในส่วนการประชุมช่วงบ่ายวันนี้ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผบช.สอท. เรียกชุดทำงานมาประชุม ซึ่งเป็นการหารือเพื่อที่จะวางแนวทางและติดตามความคืบหน้าทางคดี ในส่วนกรณีที่ปรากฏว่ามีนักแสดงหนุ่ม มาริโอ้ เมาเร่อ ปรากฏอยู่ในข่ายที่จะต้องเรียกมาสอบปากคำนั้น สั่งการให้ทางพนักงานสอบสวนประสานทางนักแสดงหนุ่มแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ทางเจ้าตัวก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือและให้ข้อมูล ซึ่งช่วงแรกอาจจะไม่ได้เข้ามาตามนัดหมาย เนื่องจากวันและเวลาอาจจะยังไม่ตรงกัน แต่จากการที่ได้รับรายงานเจ้าตัวเตรียมที่จะนัดหมายเข้ามาภายในสัปดาห์นี้
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรรัตน์ รองผบช. สอท. ประชุมร่วมกับทีมสืบสวนสอบสวนในคดีการลักลอบเข้าระบบของกรมการขนส่งทางบก เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลรถก่อนนำเล่มทะเบียนไปขายต่อในราคาเล่มละ 1-2 ล้านบาท จนพบว่ามีรถจำนวน 65 คันถูกเปลี่ยนข้อมูล โดยภายหลังการประชุมได้เปิดเผยว่ร คดีนี้จะแบ่งเป็นสองสำนวน คือสำนวนแรกเป็นการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองคนที่ร่วมกันกระทำความผิดและถูกดำเนินคดีในข้อหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก่อนที่ทางผู้ต้องหาจะยื่นประกันตัวในชั้นศาล โดยสำนวนคดีนี้ทางพนักงานอัยการได้ขอรายละเอียดข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อเตรียมที่จะสั่งฟ้อง ซึ่งในส่วนนี้ได้ดำเนินการไปเป็นที่เรียบร้อย
ในส่วนของสำนวนคดีที่สอง จะเป็นสำนวนที่ขยายผลการจับกุม รวมถึงกลุ่มที่ครอบครองรถทั้งหมด โดยจะออกหมายเรียกให้มาชี้แจงว่ามีส่วนรู้เห็นกับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือไม่ หากพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐาน
ส่วนกรณีนักแสดงดัง นายมาริโอ้ เมาเร้อ ได้ประสานขอเข้าพบเพื่อแสดงหลักฐานการครอบครองรถยนต์ยี่ห้อ เบนซ์ รุ่น G-300 สีขาว ภายในสัปดาห์นี้แล้ว โดยได้พูดคุยกันเบื้องต้นแล้วว่าได้ติดต่อซื้อรถมาจากรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง โดยได้เพียงเล่มทะเบียน แต่ยังไม่ได้รถยนต์ ซึ่งก็ผิดปกติที่จะต้องซื้อขายรถยนต์ แต่ก็ต้องรอมาสอบสวนและดูเหตุผลประกอบว่าจะมีความผิดหรือไม่ รวมทั้งต้องเรียกคนที่ขายรถให้มาสอบสวนด้วย นอกจากนั้นก็จะเรียกผู้ที่ครอบครองรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ ทั้ง 65 คัน มาตรวจสอบด้วย โดยบางส่วนได้มาสอบสวนแล้ว บางคนก็มีเพียงเล่มทะเบียน ไม่มีรถยนต์ บางคนมีทั้งสองส่วน บางคนมีรถแต่ไม่มีเล่ม ซึ่งก็จะต้องมาดูว่ามีส่วนรู้เห็นให้เปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จะเข้าข่ายความผิดฐาน ปลอมแปลงเอกสารทางราชการหรือไม่ ทางรองผบช.สอท. กล่าวว่ส ความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีฐานความผิดครอบคลุมอยู่แล้ว โดยที่จะมีโทษเพิ่มตามความผิดมูลฐาน แต่น่าจะยังไม่เข้าข่ายฉ้อโกง เพราะยังไม่มีผู้เสียหาย เนื่องจากส่วนใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะสมยอมให้กระทำผิดร่วมกัน
สำหรับการสืบสวนขณะนี้ยังไม่พบความผิดของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก แม้ว่าผู้ต้องหาจะบอกว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่กว่า 20 ปี และเชื่อว่าเป็นการใช้ความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่จนถูกลอบเข้าไปใช้ในระบบ ซึ่งตำรวจมีหลักฐานการลักลอบเข้าใช้ในระบบอยู่แล้ว และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าใครจะร่วมกระทำผิดบ้าง นอกจากนั้นก็จะประสานกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อขอข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติม รวมทั้ง อยู่ระหว่างการประสานกรมขนส่งทางบกเพื่อที่จะขอรายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนหลังจากที่อธิบดีกรมการขนส่งได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีนี้ อย่างไรก็ตามคดีนี้ทางพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ขยายผลการจับกุม พร้อมเน้นย้ำให้ชุดทำงานดำเนินการรัดกุม ทำงานตรงไปตรงมา หากพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปที่กลุ่มบุคคลใดที่ส่อไปในการกระทำผิดก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป