สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) เตรียมเรียกประชุมผู้เสียหายจากลงทุนหุ้นบมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) ที่ลงทะเบียนกับสมาคม 1,759 รายปลายส.ค.นี้ เพื่อเริ่มกระบวนการฟ้องคดีแบบกลุ่ม (Class Action) หาตัวแทนโจกท์ฟ้องผู้บริหาร STARK ด้านทนายรับฟ้องเรียกเสียหายจากการถือหุ้นสามัญยากกว่าหุ้นกู้

น.ส.สิริพร สงบธรรม เลขาธิการ TIA กล่าวว่า จากที่ผู้เสียหายจากการลงทุนในหุ้น STARK เมื่อก.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 1,759 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 4 พันล้านบาท ขณะนี้ TIA อยู่ระหว่างขอเงินสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการฟ้องร้องคดีแบบกลุ่ม หลังจากนั้นจะเรียกประชุมผู้เสียหายทั้งหมดเพื่อเลือกตัวแทนเป็นโจกท์ในการฟ้องคดีครั้งนี้ ส่วนผู้เสียหายที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้มาลงทะเบียนก็สามารถยื่นลงทะเบียนสมทบเป็นผู้เสียหายเข้ามาได้ ขณะเดียวกันทางสมาคมฯก็กำลังหาทนายที่จะเป็นที่ปรึกษากฎหมายในคดีนี้จากกลุ่มทนายที่มีความชำนาญในคดีหลักทรัพย์และตลาดหุ้น ซึ่งมีจำนวนอยู่พอสมควร

นายจิณณะ แย้มอ่วม อนุกรรมการด้านการเงินการธนาคาร สภาองค์กรของผู้บริโภคกล่าวว่า การฟ้องกรณีความเสียหายจากหุ้น STARK มองว่าการฟ้องร้องจากความเสียหายจากการถือหุ้น STARK ทำได้ยาก เพราะการกำหนดมูลค่าหุ้นที่แท้จริงไม่รู้ต้องเลือกในช่วงใด ขณะที่การฟ้องร้องต้องมีมูลค่าความเสียหายชัดเจน โดยจะนำส่วนต่างจากราคาผู้เสียหายที่เข้าทำการซื้อขายกับมูลค่าที่แท้จริง ซึ่งตรงนี้น่าจะให้นักบัญชีมาช่วยคำนวณ นอกจากนี้ ในการฟ้องคดีแบบกลุ่มจะต้องมีการกำหนดนิยามเพื่อให้ครอบคลุมกับผู้เสียหายจากหุ้น STARK ที่หลักๆมาจาก 2 ส่วนคือผู้ลงทุนที่เข้ามาลงทุนจากการเพิ่มทุน ซึ่งส่วนนี้จะมีหนังสือชี้ชวน และอีกส่วนเป็นนักลงทุนที่เข้ามาเทรดเอง ซึ่งอาจจะระบุว่าที่ลงทุนไปเพราะได้รับข้อมูลงบการเงินปลอม หรืองบการเงินที่ตกแต่งทางบัญชี ขณะที่คำสารภาพจากอดีตผู้บริหาร STARK ที่บอกว่ามีการปั่นหุ้นก็พิสูจน์ยาก

สำหรับการฟ้องร้องเสียหายจากการลงทุนหุ้นกู้ STARK มูลค่ากว่า 9 พันล้านบาท จำนวน 4 พันกว่ารายนั้น นายจิณณะ กล่าวว่า ตนได้เป็นทนายฟ้องร้องแบบกลุ่ม (Class Action) โดยฟ้องนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการและผู้บริหาร ของ STARK  และพวกรวม 5 คน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้กล่าวโทษไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.นี้ และศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้นัดไต่สวนคำร้องการดำเนินคดีแบบกลุ่มในวันที่ 4 ก.ย.นี้ โดยการฟ้องแบบกลุ่มครั้งนี้ จะครอบคลุมถึงผู้ถือหุ้นกู้ STARK ทุกรุ่น โดยจะเรียกค่าเสียหายจากผู้บริหาร ไม่ใช่ตัวบริษัทเพราะบริษัทมีโอกาสล้มละลาย และยิ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ยิ่งไม่มีทรัพย์สินอะไรที่จะขายออกมาได้ แต่ในส่วนที่ บล.เอเซีย พลัส ซึ่งเป็นผู้แทนผู้หุ้นกู้ STARK242A ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 นั้นเป็นการฟ้องร้องบริษัท STARK ซึ่งจะเฉพาะผู้ถือหุ้นกู้รุ่นดังกล่าวเท่านั้น

นายจิณณะ กล่าวถึงกรณีความเสียหายจากการลงทุน Zipmex ว่า กรณี Zipmex ฟ้องแบบกลุ่มได้ แต่เห็นว่า อาจช้าไปถ้าจะทำควรเริ่มทำตั้งแต่แรก โดยรวบรวมผู้เสียหายและหาทีมทนาย และตั้งผู้นำหรือผู้แทนโจกท์ แต่ขณะนี้เวลาล่วงเลยมาเกือน 2 ปีแล้วเห็นว่าคงยากที่จะติดตาม