เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 7 ส.ค. 66 ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสต้องการให้พรรคเพื่อไทย (พท.) กลับมาจับมือกับพรรคก้าวไกล เพื่อมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มองว่ามีโอกาสมากน้อยเพียงใด ว่า อยู่ที่การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย แต่พรรคก้าวไกล ยังไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ ตอนนี้เราก็เตรียมพร้อมทำงาน ไม่ว่าจะในบทบาทใด
เมื่อถามว่า เป็นการผลักให้พรรคก้าวไกล มาเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เป็นห่วงว่าสถานการณ์ในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ราบรื่น เสียงสนับสนุนจากสว. ที่เคยคิดว่าอาจจะได้ก็อาจจะมีปัญหาเท่าที่ติดตามในกระแสข่าว ส่วนความกังวลในการจัดตั้งรัฐบาลอาจจะพลิกขั้ว แม้ว่าพรรคก้าวไกล จะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วนั้น ตนคิดว่าไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกลที่กังวล แต่ประชาชนก็ไม่อยากเห็นการพลิกขั้วรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีมาจากขั้วอำนาจเก่า
เมื่อถามว่า หลังจากที่มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยครั้งล่าสุด คือช่วงพรรคเพื่อไทยแถลงขอถอนตัวออกจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล จนถึงขณะนี้ยังมีการติดต่อกันอยู่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะดำเนินการอย่างไรต่อในการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งถัดไป นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในพรรค เพราะยังพอมีเวลาตัดสินใจ เราไม่รู้ว่าสถานการณ์จะพลิกผันไปถึงจุดไหน เมื่อใกล้ช่วงวันโหวตนายกรัฐมนตรีคงจะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง ระหว่างนี้ก็ต้องมีการจัดเตรียมเพื่อเลือกตั้งซ่อมที่จ.ระยองเร็วๆ นี้ ซึ่งจะส่งหรือไม่นั้นอยู่ในระหว่างกระบวนการ ความจริงแล้วพรรคจะตรวจเช็กประวัติอาชญากรรมของผู้สมัครทุกคน แต่ไม่มีในระบบ เจ้าตัวและทีมงานในจังหวัดก็เข้าใจผิดเรื่องข้อหา ว่าเข้าข่ายคุณสมบัติต้องห้ามหรือไม่ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นข้อผิดพลาด
เมื่อถามว่า หากมีโอกาสที่จะกลับไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย หลักการในการที่จะกลับไปจับมืออีกครั้งมีเงื่อนไขอย่างไรนายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องคุยกับกรรมการบริหารพรรค และสส. ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ คงบอกล่วงหน้าไม่ได้ ส่วนท่าทีสส. ของพรรคก้าวไกล เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล บอกว่า มีโอกาสก็จะถอยหลังกลับมาจับมือกับพรรคก้าวไกลนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล และตอนนี้ยังไม่มีการประสานงานกับพรรคเพื่อไทย เพื่อพูดคุยเรื่องนี้ ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้
เมื่อถามว่า มองคุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์เช่นนี้ไว้อย่างไรบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่าคุณสมบัติเป็นเรื่องพื้นฐาน พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง และรวมเสียงข้างมากได้ควรจะเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเราไปตั้งเงื่อนไขเยอะ ซึ่งแต่ละฝ่ายก็จะมองไม่เหมือนกัน ตรงนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้ง และวุ่นวายทางการเมือง ถ้ามีการพิจารณานโยบายด้วย ซึ่งนโยบายและคุณสมบัตินั้นประชาชนได้ตัดสินผ่านการเลือกตั้งแล้ว พรรคไหนได้รับความนิยมเยอะแสดงว่าประชาชนเห็นด้วย ตรงนี้เป็นการหาข้อยุติและความเห็นต่างทางการเมืองที่สันติที่สุดแล้ว ถ้าเราไม่อิงเกณฑ์นี้ จะทำให้การเมืองไปต่อไม่ได้ และสร้างปัญหาในอนาคตแน่นอน
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยก็มีหลายรัฐบาลที่พรรคการเมืองอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ นายชัยธวัช กล่าวว่าส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดในสถานการณ์ที่เป็นประชาธิปไตยปกติ มันคือช่วงประชาธิปไตยครึ่งใบบ้าง ในช่วงเผด็จการบ้างและอยู่ในช่วงที่เผด็จการยังสืบทอดอำนาจอยู่บ้าง เพราะฉะนั้น เราคิดว่าวันนี้ถึงเวลาแล้ว ที่จะกลับมาสู่ประชาธิปไตยปกติ เมื่อปี 2562 พรรคที่ชนะอันดับ 1 รวบรวมเสียงข้างมากไม่ได้ เนื่องจากมีการกดดันกัน ทำให้เสียงข้างมากไปอยู่ที่พรรคอันดับ 2 แบบนี้ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ ก็คงจะไม่เกิด
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนพิจารณากรณีรับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เลื่อนการเดินทางกลับประเทศไทย มองว่าเป็นนัยยะทางการเมืองหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คิดว่าในเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญคงจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เลยยังไม่มีมติอะไรออกมา ว่าจะรับคำร้องหรือไม่ ส่วนเรื่องนายทักษิณ ตนคงตอบแทนไม่ได้