คืบหน้า เผาแล้วสองพ่อลูกชาว อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์  ที่คิดสั้นปลิดชีพลูกสาววัย 10 ขวบก่อนผูกคอตายตาม   หลังเครียดสะสมทั้งป่วยหอบหืด  เมียทิ้ง รายได้ไม่พอเลี้ยงลูก   ญาติ-เพื่อนบ้านเผยเคยขอลูกไปดูแลส่งเสียแต่พ่อไม่ยอมเพราะรักลูกมาก  ผอ.รร.เผยเด็กได้ทุนแล้วแต่อาจจะไม่เพียงพอ  นายกเทศมนตรียันครอบครัวไม่เคยขอความช่วยเหลือชุมชนหรือหน่วยงาน  ชาวบ้านผวาวิญญาณเฮี้ยนจุดธูปบอกก่อนรื้อบ้าน 

            ความคืบหน้ากรณีที่ นายไพบูลย์  หรือแอ๊ด   อายุ 31 ปี ชาว ต.หินเหล็กไฟ  อ.คูเมือง  จ.บุรีรัมย์   ใช้ของแข็งทุบศรีษะ ด.ญ.ข้าว  ลูกสาววัย 10 ขวบก่อนจะใช้เชือกผูกคอกับขื่อบ้านจนเสียชีวิต   ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะใช้เชือกผูกคอตัวเองตายตามภายในบ้าน   คาดว่าตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2566   กระทั่งวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา  เพื่อนบ้านได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากบ้าน  จึงเข้าไปดูก่อนพบร่างพ่อลูกผูกคอตายใกล้กับ   ซึ่งสาเหตุคาดว่านายไพบูลย์   ผู้เป็นพ่อน่าจะเกิดความเครียดสะสม  หลังจากภรรยาทิ้งให้อยู่กับลูกลำพังเกือบ 5 ปี ทั้งตัวเองก็ป่วยโรคหอบหืดไม่สามารถทำงานหนักได้หาเลี้ยงลูกได้เต็มที่  ทำให้รายได้ไม่เพียงพอ จึงคิดสั้นก่อเหตุสลดดังกล่าว  

         ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (5 ส.ค.66) หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมจุด อ.คูเมือง  ได้นำร่างสองพ่อลูกที่ส่งไปตรวจชันสูตรที่ รพ.บุรีรัมย์  กลับมายังวัดบ้านสาวเอ้ อ.คูเมือง เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา  โดยช่วงเช้าได้ฌาปนกิจศพลูกก่อน   จากนั้นช่วงบ่ายก็เผาศพพ่อ   โดยสาเหตุที่ทางครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจในวันนี้เลย  เนื่องจากศพทั้งคู่มีสภาพเน่าเปื่อยแล้ว 

        โดยได้มีนายโสภณ   ซารัมย์   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.บุรีรัมย์ ได้มาเป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ  ขณะที่ นางภาคินี   ตั้งตรงเวชกิจ  นายกเทศมนตรีตำบลหินเหล็กไฟ  ก็ได้เป็นเจ้าภาพดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายภายในงานศพทั้งหมด   ทั้งนี้ได้มีผู้นำชุมชน  ผู้บริหารโรงเรียน  ครู  ชาวบ้าน  และนักเรียน มาร่วมแสดงความอาลัยและฌาปนกิจศพสองพ่อลูกด้วยความโศกเศร้า   เพราะต่างไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น 

          ขณะบรรยากาศที่บ้านหลังเกิดเหตุทั้งญาติและชาวบ้านได้ทำพิธีจุดธูปบอกกล่าวดวงวิญญาณสองพ่อลูก  ขอให้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี พร้อมบอกกล่าวว่าจะทำการรื้อบ้านทิ้งตามความเชื่อคนเฒ่าคนแก่  เพราะการตายในลักษณะดังกล่าวถือเป็นการตายโหง 2 ศพพร้อมกัน   หากไม่รื้อบ้านทิ้งวิญญาณจะเฮี้ยนหลอกหลอนคนอื่น   

         นายบุญเรือง   ปุยะติ  เพื่อนบ้านบอกว่า  หลังจากเข้ามาเจอศพสองพ่อลูกผูกคอตายในบ้าน  ซึ่งคาดว่าตายในวันพระใหญ่ด้วยก็เป็นภาพติดตา  ก็นอนไม่หลับ และการตายดังกล่าวความเชื่อว่าเป็นการตายโหง  ชาวบ้านในพื้นที่ก็จะกลัว   จึงหารือกับทางญาติว่าจะรื้อทิ้ง  ซึ่งก็ได้มาจุดธูปบอกดวงวิญญาณคนตายก่อน  ส่วนตัวไม่คาดคิดว่านายแอ๊ด จะคิดสั้นแบบนี้  ก็ขอให้ดวงวิญญาณทั้งคู่ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี  หากชาติหน้ามีจริงก็ขอให้เกิดมาฐานะร่ำรวยอยู่สุขสบายไม่ลำบากเหมือนชาตินี้ 

         ด้านนางวินัย   โพธิ์กลาง   เพื่อนบ้านอีกคนก็ บอกว่า  สองพ่อลูกน่าสงสารเพราะพ่อก็ป่วยทำงานหนักไม่ได้  ที่ผ่านมาก็มีชาวบ้านคอยช่วยตามกำลังทั้งให้เงินไปโรงเรียน  ช่วงที่โดนตัดน้ำก็แบ่งน้ำให้ใช้  แต่ไฟชาวบ้านเองก็เดือดร้อนจึงต่อให้ใช้ด้วยไม่ได้เพราะปกติค่าไฟก็แพง   ที่ผ่านมาตนเคยบอกนายแอ๊ดว่าจะขอลูกสาวไปดูแลส่งเสียให้เรียนเพราะตนไม่มีลูกสาว   แต่นายแอ๊ด ไม่ยอมให้บอกว่าถ้าตายก็ตายพร้อมกัน เพราะเขารักลูกมาก   แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะก่อเหตุแบบนี้  แต่ที่ผ่านมานายแอ๊ด  ก็ยังพอทำงานได้จึงไม่ได้ไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงาน   ซึ่งไม่ใช่ความผิดของทางหน่วยงานเลย 

         ขณะที่นางภาคินี   ตั้งตรงเวชกิจ   นายกเทศมนตรีตำบลหินเหล็กไฟ   บอกว่า  ที่ผ่านมาครอบครัวนี้ไม่เคยมาขอความช่วยเหลือจากผู้นำชุมชน   เทศบาล หรือหน่วยงานรัฐเลย  อาจจะคิดว่าตัวเองยังพอทำงานได้  จึงไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุสลดขึ้นทุกคนก็ตกใจและเสียใจ   ซึ่งหากทราบปัญหาก็คงไม่มีใครนิ่งนอนใจ   โดยเฉพาะเทศบาลก็พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ยากลำบากอยู่แล้ว   แต่เท่าที่สอบถามญาติของผู้ตายก็บอกว่าปัจจัยหลักก็เกิดจากความเครียดส่วนตัวของเขาเองด้วย   ส่วนเรื่องงานศพก็พร้อมดูแลให้ทั้งหมด    

ด้านนายสมศักดิ์ บุญมี ผอ.โรงเรียนบ้านสาวเอ้  บอกว่า  สาเหตุที่พ่อตัดสินใจฆ่าลูกและผูกคอเสียชีวิตตายตามนั้น   น่าจะเกิดจากความเครียดส่วนตัวและโรคประจำตัว  ส่วนเรื่องสภาพความเป็นอยู่และค่าใช้จ่ายในบ้านก็เป็นอีกปัจจัยประกอบด้วย   ส่วนตัวลูกสาวอยู่ที่โรงเรียนก็ดูเป็นเด็กร่าเริงไม่เคยแสดงออกว่ามีอาการซึมเศร้า  การเรียนก็ปานกลางก็ทำกิจกรรมที่โรงเรียนตามปกติ   ส่วนเรื่องทุนการศึกษาสำหรับเด็กยากจน น้องได้รับอยู่แล้วแต่อาจจะไม่เพียงพอ  ที่ผ่านมาครูก็ไปเยี่ยมบ้านติดตามความเป็นอยู่ทุกปี   ก็ทราบปัญหาและหารือกับทางครอบครัว  ซึ่งญาติเขาพยายามจะช่วยแบ่งเบาโดยย่าจะให้ทั้งสองคนไปอยู่ด้วย  หรือจะเอาหลานไปช่วยเลี้ยง  แต่ผู้เป็นพ่อไม่ยอมเมื่อเกิดปัญหารุมเร้ามากก็เกิดความเครียด                    ยืนยันว่าทางโรงเรียนและชุมชนไม่ได้ละเลย   แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าตัวด้วย   เพราะที่ผ่านมาผู้เป็นพ่อเองก็ไม่เคยไปขอความช่วยเหลือหรือปรึกษากับใคร   แต่กลับตัดสินใจก่อเหตุสดลดขึ้น  ซึ่งทางโรงเรียนก็เสียใจและไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น