เพจ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค ระบุว่า นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

[ ส่วย | ทุนเทา | บาดแผลหลังโกดังพลุระเบิดที่มูโนะ ]

‘วิโรจน์’ ไล่เรียงมาตรการของภาครัฐ ก่อนเหตุการณ์โกดังพลุระเบิดที่มูโนะ จ.นราธิวาส

🔥เหตุใดโกดังเถื่อนแห่งนี้จึงเล็ดรอดการตรวจสอบ ทั้งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ความมั่นคง

🔥เจ้าของโกดังไม่เกรงกลัวกฎหมายหรืออย่างไร

🔥‘ส่วยมูโนะ’ คือหนึ่งในรูปธรรมของการกดขี่รีดไถ ที่บั่นทอนความไว้วางใจของประชาชนในพื้นที่ต่อเจ้าหน้าที่รัฐ

🔥ท้ายที่สุดหากไม่แก้ไข อาจกลายเป็น ‘พลุที่สุมอยู่ในจิตใจผู้คน’ รอวันระเบิด

การระเบิดของโกดังพลุที่ ต.มูโนะ จ.นราธิวาส เมื่อ 29 ก.ค. 2566 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บกว่า 121 ราย บ้านเรือนเสียหาย 200 หลัง มีการตรวจพบดินดำที่เป็นส่วนผสมของพลุที่เก็บไว้ในโกดัง ซึ่งมีมากถึง 2-3 คันรถสิบล้อ มีน้ำหนักรวมกันมากถึง 5 ตัน รัศมีการทำลายล้างไกลถึง 2 กิโลเมตร

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามผ่านการอภิปรายในญัตติด่วนด้วยวาจา การประชุมสภาผู้แทนฯ เมื่อ 3 ส.ค. ว่าเรื่องเหล่านี้ เป็นไปได้หรือที่เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่จะไม่รู้-ไม่เห็น

📌 [ เจ้าของโกดังเคยโดนจับ แต่สุดท้ายรอด! อัยการสั่งไม่ฟ้อง ]

ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2559 กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ใช้กฎอัยการศึกบุกตรวจโกดังสินค้า 5 แห่ง ยึดดอกไม้เพลิงกว่า 60 ตัน จำนวน 30 ตัน ยึดได้จากโกดัง 2 ห้อง ที่ ต.มูโนะ เจ้าของโกดังเป็นคนคนเดียวกันกับเจ้าของโกดังพลุที่ระเบิดเมื่อ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา เคยถูก กอ.รมน. จับกุม แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง

ดังนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง จะไม่รู้เห็นว่ามีโกดังเก็บพลุในปริมาณมหาศาลขนาดนี้ อยู่ที่ใจกลางชุมชน

นอกจากนี้เมื่อ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่  ทำให้กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ให้กำชับและตรวจสอบโรงงานและโกดังผลิตพลุดอกไม้เพลิง

ต่อมาวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังสือเร่งรัดอีกฉบับหนึ่ง สั่งให้นายอำเภอ 878 อำเภอทั่วประเทศเร่งตรวจสอบ

แต่ต่อให้ทำหนังสืออีกกี่ฉบับ ก็หาโกดังแห่งนี้ไม่เจอ!! เพราะอะไร??

📌 [ โกดังเถื่อน ไม่มีใบอนุญาต ]

เพราะโกดังแห่งนี้ไม่ได้ขออนุญาตเก็บดอกไม้เพลิง และถึงแม้จะทำเรื่องขออนุญาต ก็ออกใบอนุญาตให้ไม่ได้

เนื่องจากตามประกาศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง พ.ศ. 2547 กำหนดให้อาคารที่ผลิตดอกไม้เพลิงต้องไม่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน กำหนดระยะห่างจากแนวรั้วอย่างน้อย 20 เมตร อาคารต้องสร้างด้วยวัสดุไม่ติดไฟ และห้ามทำการใดๆ ที่ทำให้เกิดประกายไฟ หากจำเป็นต้องทำ ต้องอยู่ห่างออกไปอย่างน้อย 15 เมตร ซึ่งโกดังที่เกิดเหตุทำทุกอย่างสวนทางกับประกาศฉบับนี้

คำถามต่อไปคือ เจ้าของโกดังไม่เกรงกลัวกฎหมายเลยหรือ แต่จะกลัวทำไมในเมื่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 77 ถ้าเปิดโกดังเก็บพลุเถื่อน ตั้งโรงงานผลิตดอกไม้เพลิงเถื่อน จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พันบาทเท่านั้น

📌 [ ส่วยมูโนะ กับ จ่า ฟ. ]

วิโรจน์เชื่อว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส และแม่ทัพภาค 4 คงทราบดีอยู่แล้วว่า พื้นที่ตำบลมูโนะ เป็นพื้นที่ที่มีธุรกิจสีเทาชุกชุม ทั้งสินค้าหนีภาษี ยาเสพติด การค้าแรงงานเถื่อน คำถามคือพื้นที่ตรงนี้ยังมีกฎอัยการศึกอยู่หรือไม่ และใช้เพ่งเล็งเฉพาะประชาชนหรือไม่ ธุรกิจสีเทาเหล่านี้ ไม่ถือเป็นภัยความมั่นคงหรืออย่างไร

ที่ผ่านมามีข้อครหาว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ มีการเก็บส่วย ส่งต่อให้นายเป็นทอดๆ กรณีโกดังพลุระเบิดครั้งนี้ ขอฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี ถ้าจะตัดตอนแค่เจ้าของโกดัง ประชาชนคงยอมรับไม่ได้ ต้องสอบสวนในประเด็นส่วยและการเรียกรับผลประโยชน์ด้วย

โดยเฉพาะกรณีจ่า ฟ. ที่มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองในพื้นที่ เป็นคนที่คอยเก็บส่วยด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ทราบว่าย้ายออกนอกพื้นที่ไปแล้ว แต่ประชาชนเกรงว่าจะย้ายแค่พอเป็นพิธี ก่อนจะย้ายกลับมาอีกครั้ง

“ถ้าปล่อยให้การกดขี่รีดไถยังเป็นแบบนี้ คนในสามจังหวัดและนราธิวาสจะรู้สึกอย่างไร การรีดไถเช่นนี้คือชนวนแห่งความขัดแย้งที่แท้จริง ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้” วิโรจน์ระบุ

📌 [ รัฐบาลต้องแก้ไข พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ - ปราบส่วยจริงจัง ]

สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการ คือการแก้ไข พ.ร.บ.อาวุธปืน ปรับอัตราโทษกรณีไม่ขออนุญาตผลิต สั่ง นำเข้า หรือค้าดอกไม้เพลิง ให้รุนแรงขึ้น มีระบบการลงทะเบียนปริมาณและยอดคงเหลือของดอกไม้เพลิง ที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโกดังและโรงงานพลุเถื่อน

สำคัญที่สุดคือต้องเร่งปราบปรามส่วย การรีดไถของเจ้าหน้าที่รัฐที่มูโนะอย่างจริงจัง ไม่ให้คนเหล่านี้อาศัยอำนาจรัฐกดขี่ประชาชนต่อไป

“พลุไม่ได้อยู่แค่ในโกดัง พลุวันนี้สุมอยู่ในใจคน ถ้ามันโดนกด โดนขี่มากๆ ไม่แคล้วสักวันก็ระเบิดออกมา” วิโรจน์ทิ้งท้าย