วันที่ 4 สิงหาคม 2566 ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงท่าทีของ นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ที่ช่วงหลังมานี้ต่างเงียบทั้งคู่ ว่า ไม่ได้เงียบ ทั้งคู่ก็เดินเข้าพรรคอยู่เป็นปกติ ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่ดินของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่เกี่ยวข้องกับนายเศรษฐา ก็มีการชี้แจงแล้ว ซึ่งคนที่จะขึ้นมาเป็นนายกฯ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีคนตรวจสอบอย่างเข้มข้น และถือเป็นเรื่องดีที่จะมีการตรวจสอบเพื่อที่จะได้เกิดความสบายใจ เพราะเราไม่ได้มีอะไรที่จะปิดบังอำพราง ทุกอย่างที่เราทำไป เราก็มั่นใจว่าแคนดิเดตนายกฯของเรานั้น เราได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนที่จะมีการเสนอชื่ออยู่แล้ว
เมื่อถามถึง ความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีกระแสข่าวว่าพรรคต่างๆ ที่ไปเจรจาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นจำนวนมาก นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นข่าวลือข่าวทิพย์ เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งเลย มีเพียงการพูดคุยว่า ถ้าบรรยากาศเป็นเช่นนี้แล้ว พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว การที่จะมีรัฐบาลใหม่โดยมีนายเศรษฐา เป็นนายกฯ ท่านทั้งหลายเห็นอย่างไร ซึ่งก็ให้ทราบว่าหากยอมรับ ให้นายเศรษฐาและพรรค พท.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ช่วยสนับสนุนนายเศรษฐา และตนได้ระบุไปอย่างชัดเจนแล้วว่า วันนี้เรากำลังเลือกนายกฯ บนสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เป็นสถานการณ์ที่บ้านเมืองวิกฤตมามากมายพอสมควร ยิ่งปล่อยให้มีการจัดตั้งรัฐบาลช้า ก็ยิ่งทำให้ประเทศมีวิกฤตมากขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) มีข่าวว่าเลื่อนโหวตนายกฯกระดานหุ้นก็แดงทั้งกระดาน ซึ่งชัดเจนว่าคนต้องการที่อยากจะได้รัฐบาลใหม่เร็วเพื่อเข้ามาแก้ปัญหา ย้ำว่าหากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้มีการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินร้อง เราก็ไม่อยาก จะทำอะไรที่ทำให้มีความรู้สึกว่า เราไม่ได้สนใจศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราฟังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ การเลื่อนออกไปประมาณ 10 วันก็ถือว่าดี
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประเทศของเราอยู่ในวิกฤต ซึ่งมีความขัดแย้งในมิติต่างๆ ฉะนั้นการที่จะได้นายกฯมา พยายามเป็นนายกฯที่ให้ทุกฝ่ายได้เห็นได้คุยและสบายใจ จนกระทั่งสามารถเลือกมาได้ จะเป็นกระบวนการที่สร้างความเชื่อมั่นและทำงานได้อย่างดีที่สุด ในส่วนนี้เรายังคุยกันอยู่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก็ได้โทรศัพท์มาคุยกับตน ซึ่งก็ไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า ได้พูดถึงเรื่องรัฐมนตรีกับพรรคต่างๆ บ้างแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปกติจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องตำแหน่งหลังจากที่มีการฟอร์มรัฐบาลและได้นายกฯ แล้ว ตอนนี้ยัง ไม่ได้เสนอเรื่องกระทรวง เราเสนอเรื่องที่ว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะได้นายกฯ เป็นนายเศรษฐา หากเห็นชอบก็ร่วมกันโหวต
"ขณะนี้แบ่งกระทรวงไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าจำนวนตัวเลขที่จะจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เนื่องจากมีจำนวนที่ต้องแบ่งเฉลี่ย จนกระทั่งในสิ่งที่ชัดเจนที่สุดจึงจะมาแบ่งกระทรวงภายหลังว่าความจำเป็นเป็นอย่างไร และเรายืนยันไปแล้วว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรค พท.เป็นแกนนำ สิ่งที่สำคัญคือนโยบายของพรรคที่จะต้องนำมาปรับนโยบายในส่วนอื่นๆ อะไรที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายของเราหรือไม่สามารถปรับได้ ก็จะทำให้เกิดความร่วมมือกันยาก ฉะนั้น เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้นายกฯเป็นที่ชัดเจน" นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่า ตอนนี้เหมือนพรรค พท.ถูกบีบทั้งจากพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาล และ สว.เรื่องคุณสมบัติของนายเศรษฐา นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่ทำให้รู้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค พท.ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะมีการบีบนั่นบีบนี่ ถึงที่สุดแล้วในฐานะที่เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่จะบริหารประเทศต้องหนักแน่นและมีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้นำไม่เช่นนั้น เราจะไม่สามารถนำพาประเทศ และความแตกต่างของพรรคการเมืองต่างๆ ร่วมมือกันฝ่าวิกฤตประเทศไปได้ พรรค พท.ยินดีรับฟัง ความเห็นที่แตกต่างกัน แต่ถึงที่สุดแล้วการตัดสินใจอยู่ที่ความเป็นจริงทั้งการเมือง ประเทศไทย และประชาชน ฉะนั้น การที่จะร่วมมือกันอย่างไร จะแบ่งกระทรวงอย่างไร หรือจากกำหนดนโยบายร่วมกันอย่างไรนั้น ต้องมีการพูดคุยหารือกันทุกฝ่าย รวมถึงต้องเคารพพรรคการเมืองต่างๆ
เมื่อถามว่า หากสูตรการจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และพรรคของ 2 ลุง ทำให้การโหวตนายกฯจำเป็นต้องใช้เสียงของ สว.มากถึง 100 กว่าเสียงขึ้นไป จะเป็นเรื่องยากหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรายังไม่คิดถึงบริบทนั้น วันนี้เราบอกว่าเราเอาปัญหาของประเทศชาติเป็นหลัก หากใครยินดีและเชื่อมั่นในพรรค พท.ก็ช่วยสนับสนุนพรรค พท.ในการจัดตั้งรัฐบาล ย้ำว่าเราต้องการทำการเมืองมิติใหม่ เอาประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ความต้องการของพรรคการเมืองหรือนักการเมืองเป็นตัวตั้ง อะไรก็ตามที่ถูกกำหนดร่วมกันก็ต้องมองเห็นปัญหาร่วมกันว่า เป็นปัญหาของประชาชนที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
"หากพรรค พท.ได้จัดตั้งรัฐบาล จะเห็นว่าอะไรคือปัญหาเร่งด่วนของประชาชน และเราจะทำอะไรในกรอบระยะเวลาเท่าไร ทุกอย่างที่เราพูดเรายังยืนยันว่า นโยบายของพรรค พท.ที่ได้นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม จะต้องถูกนำมาจัดการได้ภายในสี่ปีของพรรคเพื่อไทย" นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่า หากรอความชัดเจนเรื่องบุคคลที่จะเป็นนายกฯก่อนจะนำอะไรมาเป็นการโน้มน้าวพรรคการเมืองให้เข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และมั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราต้องเชื่อมั่นว่าวันนี้สถานการณ์ทางการเมือง ประชาชน และนักการเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ซึ่งทุกคนรู้ว่าปัญหาของประเทศที่เราเผชิญมาอย่างน้อย 9 ปีที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์ภายนอกประเทศที่เกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ มากมาย เป็นปัญหาที่ไม่สามารถเอาเรื่องส่วนตัวมากำหนดได้ง่ายนัก ซึ่งต้องเอาปัญหาของประเทศเป็นหลักหากประเทศรอด ทุกคนก็รอดหมด
"ในสถานการณ์ขณะนี้ ไม่ใช่ว่าจะมาร่วมรัฐบาลอย่างไร แต่ยินดีให้ พท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ และยินดีให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยจะโหวตให้แล้วมาร่วมเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ได้" นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่า สังคมจับตามองของจากที่ไม่มีพรรค ก.ก.จะไปจับมือกับพรรคของสองลุง ความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องคุยกันตอนนี้ วันนี้อยากได้เสียงสนับสนุนให้เราเป็นนายกฯก่อน หากตรงนี้ชัดเจนแล้วขั้นต่อไปเราก็จะเคลียร์ให้ชัดเจนขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้พรรค พท.มั่นใจหรือไม่ว่าจะจัดรัฐบาลได้สำเร็จ นายภูมิธรรม กล่าวว่า "ก็ต้องมั่นใจสิครับ ไม่มั่นใจเราจะดำเนินการมาถึงขั้นนี้เหรอครับ เราเชื่อว่าความตั้งใจ ประสบการณ์ ความสามารถของบุคลากรพรรค พท.ที่มีอยู่ และผลงานที่เคยทำมาแล้ว เป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศที่กำลังวิกฤตอยู่ในขณะนี้ และความขัดแย้งที่สะสมมากว่า 20 ปี เราเชื่อว่าโดยจุดยืนของพรรค พท.ที่อยู่กับความเป็นจริง และใช้วิธีการแก้ปัญหาที่ละมุนละม่อม ประนีประนอม เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ และสลายความขัดแย้งไปให้ได้ และจะดีขึ้นเรื่อยๆ"