ละครเพื่อไทย เปิดฉากแล้ว ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า จะเดินเรื่อง ไปสู่ ตอนจบ อย่างที่ พล็อตไว้ อย่างไร โดยยังมี “บิ๊กดีล” เป็น เงื่อนไขสำคัญ โดยเฉพาะ ซุปเปอร์ดีล กับ กลุ่มอีลีท ขั้วอนุรักษ์นิยม

หลังสลัดพรรคก้าวไกล ด้วยการ ถีบตัวเองออกจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล ที่นำโดยพรรคก้าวไกล ฉีก MOU เดิมทิ้งด้วยการยกเหตุผล  เรื่องจุดยืนพรรคก้าวไกล ที่ไม่ยอมเลิก นโยบายที่จะแก้ไข ม.112  อีกทั้ง พรรคอื่นๆ ที่หมายจะดึงมาร่วมรัฐบาล ก็ประกาศที่จะไม่ร่วมรัฐบาล ที่มีพรรคก้าวไกล

พรรคเพื่อไทย จึงเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล  โดยละครฉากแรก คือ ตั้งรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกล และ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยังเป็น หัวหน้าพรรคอยู่ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือ ที่เรียกว่า  พรรค 2 ลุง

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะลาออก จาก ประธาน คณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์พรรค รทสช. และประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้วก็ตาม แต่ภาพลักษณ์ของพรรค ก็ยังเป็น พรรคลุงตู่อยู่

จึงทำให้เกิดกระแส ต่อต้านการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย โดยไม่มี พรรคก้าวไกล ม็อบบุกสาดสีแดง เผาหุ่น ถึงที่ทำการพรรค  พร้อมปลุกกระแส ต้องไม่มี พรรค 2 ลุง  ถีงขั้นขู่จะมีม็อบลงถนน

ขณะที่ บรรดา ส.ว. สายลุงๆ ก็ตั้งแง่กับ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรี ที่พรรคเพื่อไทยแถลงว่า จะเสนอชื่อ ต่อที่ประชุมรัฐสภา 4 ส.ค. 2566 ให้รับการโหวต เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะมีการปลุก ว่า เศรษฐา เคยพูดหาเสียงว่า จะแก้ไข ม.112 

แม้ว่าทางพรรคเพื่อไทย จะออกมาแถลง พร้อมคลิปยืนยันว่า เศรษฐา ให้สัมภาษณ์แล้วว่า จะไม่แก้ไข ม.112 ก็ตาม แถมแกนนำ ส.ว. ยังปลุกกระแสไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทย แม้ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล แต่หากพรรคก้าวไกลโหวตให้แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยแล้ว  พรรคเพื่อไทยอาจลักไก่ ในอนาคต อาจจะดึงพรรคก้าวไกล ร่วมรัฐบาล จึงต้องการให้ เศรษฐา มายืนยันในรัฐสภา วันโหวตนายกฯ ว่าจะไม่แก้ไข ม. 112 และไม่เอาพรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาลในอนาคต

แต่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่าไม่มีในระเบียบที่จะต้องให้แคนดิเดตนายกฯ ต้องแสดงวิสัยทัศน์  อีกทั้ง เศรษฐาไม่ใช่ ส.ส. จึงไม่ได้มาที่สภา

แต่ก็รู้ดีว่าการที่ส.ว. เดินเกมเช่นนี้เพราะเกรงว่า หากพรรคก้าวไกลจะโหวตเลือกนายกฯของพรรคเพื่อไทย เสียงจะทะลุ เกิน 376 โดยไม่ต้องง้อ ส.ว.  และเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. และ 3 ป. ที่ถือว่าเป็นเป้าหมายของพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว จึงนำมาปลุกกระแส ว่าพรรคเพื่อไทย อาจลักไก่ เอาพรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาลในอนาคต

เพราะเคยเป็นที่ร่ำลือกันว่าเคยมีบิ๊กดีล ที่อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ผู้มีบารมีนอกพรรคเพื่อไทยเคยคุยกับ ตัวแทน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่ 3 ป. และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  และ ที่ พล.อ.ประวิตร คุยกับบ้านจันทร์ส่องหล้าไว้

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ก็เปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ด้วยการให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาเป็นเลขาธิการพรรคและให้ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร น้องชายแท้ๆมาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค เพื่อเตรียมไปรับตำแหน่งในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แทนตัว พล.อ.ประวิตร ที่จะดูแลพรรคพลังประชารัฐอย่างเดียวเท่านั้นเพราะเคยประกาศไว้ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคไปจนตาย

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นการสะท้อนว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตาม บิ๊กดีล เดิม แต่ต้องมีขั้นตอน และใช้เวลาในการทำให้สถานการณ์ไปถึงจุดนั้น เพราะท้ายที่สุดพรรคเพื่อไทย ก็ต้องยอมจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้ว แบบต้องมีพรรคของ 2 ลุงมาร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อที่จะมีเสียง ส.ว. โหวตให้นายกฯของพรรค

หากพรรคเพื่อไทยบิดพลิ้วหักดีล อาจเป็นผลให้ส.ว.ไม่โหวตให้ เศรษฐา หรือแม้แต่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร  แคนดิเดตนายกฯอีกคนของพรรคเพื่อไทย

แต่หากพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อลดกระแสจากกลุ่มม็อบ ที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล และ เพื่อให้นายทักษิณกลับบ้าน ก็อาจส่งไม้ต่อให้พรรคอันดับ 3 อย่างพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และให้ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วค่อยๆดึงพรรคเพื่อไทยเข้ามาร่วมรัฐบาล ที่จะทำให้เกิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ทางการเมืองไทยว่าพรรคที่มี ส.ส. ถึง 141 คนจะเป็นแค่พรรคร่วมรัฐบาล และยอมให้พรรคภูมิใจไทยที่มี 71 ส.ส. เป็นนายกฯ  ที่จะทำให้ อนุทิน อยู่ยาก เพราะถูกขี่คอ

โดยมีกระแสข่าวว่าได้มีดีล พิเศษ ระหว่าง ทักษิณ กับนักธุรกิจ ใหญ่ และ อนุทิน ว่า ท้ายที่สุด ให้ จบลงที่ ให้ พรรคอันดับ 3 เป็นแกนนำ ตั้งรัฐบาล และ เป็นนายกฯ

แต่ต้องไม่มองข้าม พล.อ.ประวิตร ที่ถึงขั้นประกาศว่าจะยังไม่วางมือทางการเมือง  และ มีกระแสข่าว จากบ้านป่ารอยต่อฯ ว่า พล.อ.ประวิตร ยังสู้อยู่

มีรายงานข่าวว่ากลุ่มแนวร่วม พล.อ.ประวิตร ยังหวังว่า อนุทิน จะยอมถอยให้  เปิดทางให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง

โดยมีรายงานอีกด้านหนึ่งว่ามีการสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมากกว่า  ให้ พรรคภูมิใจไทย และ สนับสนุนให้ แพทองธาร เป็นนายกฯ  ในรัฐบาลสูตรผสมข้ามขั้ว แบบ ไม่ต้องมีพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะ หากเอามา แพคคู่ พรรค 2 ลุง จะยิ่งเป็นการ ตอกย้ำ ขั้วอำนาจ คสช.  และ ไม่ต้องกลัวม็อบ จนเกินเหตุ       

ทว่าทางเลือกของ พล.อ.ประวิตรมี ไม่มากนัก แค่ร่วมรัฐบาลและต่อรองเก้าอี้ที่ต้องการ  6 เก้าอี้ เช่น  รองนายกฯควบ มท.1 และ รมว. กลาโหม  และ รมว.เกษตรฯ ให้ ร.อ.ธรรมนัส ให้สมศักดิ์ศรี เลขาธิการพรรค พปชร.  เพราะ พล.อ.ประวิตรได้วางตัว  น้องชาย และ บรรดา น้องเลิฟ ไว้แล้ว

ตอนนี้ก็เพียงแค่ยื้อเวลาให้กระแสเบาบางลงไปก่อน อาศัยจังหวะที่ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการมีมติว่าจะรับเรื่อง การโหวตแคนดีเดท นายกฯหน้าซ้ำ ได้หรือไม่  ออกไปเป็น 16 ส.ค. เคลียร์ทุกอย่างกันให้ลงตัวก่อน

ท้ายที่สุด จะจบลงที่ บิ๊กดีลเดิม หรือ ดีลใหม่ ของ อนุทิน ที่ก็มีสเปเชียลคอนเนคชั่นไม่ธรรมดาเช่นกัน จึงเกิดการวัดพลัง  งัดชั้นเชิง ทางการเมือง ออกมา สู้กันเต็มที่ ก็คราวนี้ล่ะ