เรียบร้อยโรงเรียน"ซาอุดีอาระเบีย" ไปแล้ว! สำหรับ "ซาดิโอ มาเน่" จากสโมสร "บาเยิร์น มิวนิค" ยอดทีมในลีกบุนเดสลีกา ประเทศเยอรมัน ย้ายซบสโมสร "อัล นาสเซอร์" ทีมดังในลีกซาอุดิอารเบีย ด้วยค่าตัว 28 ล้านยูโร โดยผ่านการตรวจร่างกาย และเซ็นสัญญากับ นาสเซอร์ จนถึง 2027 พร้อมรับเสื้อเบอร์ 10 รับค่าเหนื่อย 750,000 ยูโรต่อสัปดาห์ และยังจะได้ไปเล่นร่วมกับ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" อดีตสตาร์สโมสร "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" อีกด้วย

ก่อนหน้านี้ "บาเยิร์น มิวนิค" ประกาศยืนยันว่า "ซาดิโอ มาเน่" ปีกทีมชาติเซเนกัล กำลังเจรจาย้ายไปอยู่กับ "อัล นาสเซอร์" ทีมดังในลีกซาอุดีอาระเบีย หลังจากไม่มีชื่ออยู่ในเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นกับ "คาวาซากิ ฟรอนตาเล่" ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กัปตันทีมชาติเซเนกัล ค้าแข้งกับ "เสือใต้" ได้ฤดูกาลเดียว ภายหลังย้ายเข้ามาจาก ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวเบื้องต้น 27.5 ล้านปอนด์ แต่ผลงานไม่น่าประทับใจนักทำ 12 ประตูจาก 38 นัด แถมมีปัญหาวิวาทกับ "เลรอย ซาเน่" เพื่อนร่วมทีม และยังมีสัญญาเหลืออยู่กับ บาเยิร์น ถึง 2 ปี

แต่ปรากฎว่า ดีลการย้ายทีมในครั้งนี้ ส่งผลให้สโมสร "ลิเวอร์พูล" ต้นสังกัดเก่าของ "ซาดิโอ มาเน่" ต้องชวดเงินโบนัสก้อนโต กว่า 330 ล้านบาท รวมทั้งในส่วนของ "แอดออน" ที่ทำไว้เมื่อปีที่แล้วด้วย

"ซาดิโอ มาเน่" ย้ายจาก "ลิเวอร์พูล" ไปอยู่กับ "บาเยิร์น มิวนิค" เมื่อซัมเมอร์ปีที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวบวกแอดออน 35.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,545 ล้านบาท) โดยสื่อต่างประเทศรายงานว่า การที่แข้งเซเนกัล จะย้ายไปอยู่กับ อัล นาสเซอร์ ยังส่งผลให้ "หงส์แดง" ต้องชวดเงินโบนัสก้อนโตตามไปด้วย

โดย " ลิเวอร์พูล" จะได้เงินค่าตัวเบื้องต้นจาก "บาเยิร์น มิวนิค" จำนวน 27.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,210 ล้านบาท) เท่านั้น ขณะที่แอดออนอีก 7.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 334.5 ล้านบาท) แทบไม่ได้เลย เนื่องจากลงสนามให้ "เสือใต้" ไม่ครบตามจำนวนนัดที่กำหนดกันไว้

สำหรับ "ซาดิโอ มาเน่" เกิดที่หมู่บ้านเล็กๆภายในประเทศเซเนกัล เริ่มเล่นฟุตบอลให้กับทีมเยาวชน เจเนเรชั่น ฟุต ที่อยู่ในเซเนกัล เมื่ออายุ 15 ปี ก่อนย้ายเข้าไปเล่นกับทีมแม๊ตซ์ ในประเทศฝรั่งเศส เมื่อตอน อายุ 19 ปี และลงเล่นไป 23 นัด ก่อนจะย้ายตัวด้วยสถิติสโมสร 4 ล้านปอนด์ไปยัง "เรดบูล ซัลทซ์บวร์ก" ทีมจากลีกสูงสุดของประเทศออสเตรีย โดยลงสนามไปทั้งหมด 87 นัด ยิงได้ 45 ประตู

หลังจากนั้นจึงได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสร "เซาแธมป์ตัน" ทีมในพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ ด้วยค่าตัว 11.8 ล้านปอนด์ โดยเล่นให้ทีมนักบุญไปทั้งสิ้น 75 นัด ยิงไป 25 ประตู พร้อมทั้งสร้างสถิติ ทำแฮตทริกในเวลา 2.56 นาที ก่อนหน้านี้เป็นแฮตทริกของ "ร็อบบี ฟลาวเลอร์" ด้วยเวลา 4.33 นาที กลายเป็นหน้าประวัติสาสตร์ใหม่ของการทำแฮตทริกในเวทีพรีเมียร์ลีก และยังมีความเร็วเป็นอันดับที่ 8 ของโลกอีกด้วย

ต่อมา "ซาดิโอ มาเน่" ได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสร "ลิเวอร์พูล" ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสูงที่สุด สำหรับการซื้อตัวผู้เล่นชาวแอฟริกาที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร จำนวน 35 ล้านปอนด์ 

ในฤดูกาล 2016-17 "ซาดิโอ มาเน่" คว้า 2 รางวัลของสโมสรลิเวอร์พูล ได้แก่ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี รูปแบบการเล่นของมาเนที่เล่นกับลิเวอร์พูลกลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงไม่น้อย เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ทีมลุ้นยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกถึงแม้ว่าจะพ่ายให้กับ "เรอัล มาดริด" ในนัดชิงชนะเลิศก็ตาม