นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า พาราควอต เป็นสารเคมีกำจัดวัชพืชหรือยาฆ่าหญ้าที่เกษตรกรนิยมใช้ เนื่องจากมีราคาถูกและได้ผลดี โดยออกฤทธิ์เผาไหม้เร็ว ทำให้วัชพืชแห้งเหี่ยวและตายได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง ดังนั้นหากเกษตรกรที่ใช้สารนี้โดยไม่มีการป้องกันหรือบริโภคอาหารที่มีการตกค้างอาจเกิดภาวะความเป็นพิษ องค์การอนามัยโลก ระบุว่า พาราควอต เป็นสารที่มีความเป็นพิษสูง หากได้รับโดยตรงจากการบริโภค ทำให้เกิดอาการแสบร้อน เกิดแผลในหลอดลมและระบบทางเดินอาหาร สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัส สูดดมจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง ทำให้เกิดพังผืดในปอด ปนเปื้อนในอาหาร และยังก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ก่อโรคพาร์กินสัน สมองเสื่อม และที่สำคัญเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ยังตกค้างในสิ่งแวดล้อม ดิน แหล่งน้ำธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์การเกษตร และอาจตกค้างอยู่ในผักและผลไม้สดในปริมาณสูง และทำให้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนจากสารปนเปื้อนได้เช่นกัน
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้มีการพัฒนาชุดทดสอบพาราควอตตกค้างในผักและผลไม้สด ซึ่งเป็นการตรวจสอบอย่างง่าย ที่มีความแม่นยำ และตรวจสอบเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว โดยชุดทดสอบนี้ สามารถใช้ได้กับผักและผลไม้สดที่มีจำหน่ายในประเทศไทย เป็นความร่วมมือระหว่าง สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ และสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นชุดทดสอบที่มีคุณสมบัติเป็นการตรวจเบื้องต้นที่คนไทยคุ้นเคยต่อการใช้งานคล้ายชุดตรวจ ATK โดยใช้เทคนิคอิมมูโนโครมาโทกราฟี หรือ IC ซึ่งอาศัยหลักการจับกันระหว่างแอนติบอดี และแอนติเจนแบบแข่งขัน เป็นวิธีที่สะดวก มีประสิทธิภาพ มีความไวในการตรวจสอบทราบผลใน 15-30 นาที ไม่ต้องมีเครื่องมือพิเศษแต่อย่างใด เกณฑ์การวัดขั้นต่ำสุดที่ชุดทดสอบนี้สามารถตรวจพบได้ที่ 0.005 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (mg/kg) ซึ่งตรงตามที่กฎหมายกำหนด
“ชุดทดสอบนี้ได้ผ่านการทดสอบในภาคสนาม และจดทะเบียนอนุสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว ขณะนี้ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เตรียมเปิดให้ผู้สนใจทั้งภาครัฐภาคเอกชนมารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ เพื่อนำไปผลิตจำหน่ายให้กับประชาชน ตลอดจนหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้เข้าถึงชุดทดสอบนี้ได้ง่ายขึ้น สำหรับนำไปใช้ในการตรวจสอบความปลอดภัยผักผลไม้เบื้องต้นได้” นพ.ศุภกิจ กล่าว