NEIGHBORS เอเจนซีด้านการตลาดและโฆษณา แนะนักการตลาดรุ่นใหม่ หนีแข่งกระแส เลิกวิ่งตามเก็บให้ครบทุกเทรนด์ พร้อมสรุปความท้าทายที่นักการตลาดยุคดิจิทัลต้องเจอ ทั้งการเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์ม DATA และกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป ย้ำหัวใจสำคัญต้องเน้นหากลยุทธ์มุ่งสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ในระยะยาว

ในโลกธุรกิจที่กำลังหมุนเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ผนวกกับยุคสมัยนี้ที่กระแสสังคมต่างๆ เกิดขึ้นแบบไม่มีใครคาดคิด แถมมาไวไปไว รู้ตัวอีกทีเหล่าบรรดานักการตลาดรุ่นใหม่ ก็กลายเป็นคนที่วิ่งตามเทรนด์อยู่เสมอ อีกทั้งปัจจุบันมีเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่นักการตลาดต้องเรียนรู้และรับมือ ซึ่งบ่อยครั้งสิ่งเหล่านี้ทำให้นักการตลาดหลงทางไปว่า ‘เป้าหมาย’ ที่พวกเขาตั้งใจหรือ ‘กลยุทธ์’ ที่ธุรกิจนั้นๆ มีอยู่คืออะไรกันแน่

นายวรสิทธิ์ พาณิชสุสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทเนเบอร์ส แอนด์ เฟรนด์ จำกัด (NEIGHBORS AND FRIENDS COMPANY LIMITED) เอเจนซีด้านการตลาดและโฆษณา (Marketing and Advertising Agency) ผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ต่างๆมากมาย กล่าวว่า ปัจจุบันนักการตลาดรุ่นใหม่ มักให้ความสำคัญกับการตามโลกให้ทัน      จนกระโดดลงไปในทะเลแห่งเทรนด์ โดยที่บางคนยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำถึงการทำงานหรือความสำคัญของกระแสที่เกิดขึ้น ซึ่งบางครั้งสิ่งนี้อาจได้ผลเพียงระยะสั้น และอาจไม่ได้ตอบโจทย์กลยุทธ์ทางธุรกิจในระยะยาว

“แน่นอนว่าเทรนด์เป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง ในโลกที่พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนเร็วเช่นนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าแบรนด์ต้องวิ่งเข้าหาทุกกระแสเสมอไป เพราะส่วนใหญ่กระแส หรือเทรนด์มันจะเกิดขึ้นแค่เฉพาะช่วงวลา   การเลือกหยิบเทรนด์มาใช้นั้น ต้องดูควบคู่ไปกับจุดประสงค์ของแบรนด์ ที่ต้องทั้งแม่นยำ และแน่วแน่ด้วย เพื่อให้สอดคล้องกัน อีกทั้งต้องตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนเป็นแบรนด์ที่มีภาพจำ กระทั่งจุดเด่นในระยะยาว จึงส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ และการทำแบรนด์ในระยะยาว” วรสิทธิ์กล่าว

โดยการที่แบรนด์จะไม่หลงทางว่าเป้าหมายหรือกลยุทธ์คืออะไร แบรนด์จึงต้องกระตุ้นพื้นฐาน และใช้เครื่องมือต่างๆ ที่เป็นหลักการตลาด เพื่อให้รากฐานของแบรนด์มีความแข็งแรง ให้มีความพร้อมร้องรับกับการเปลี่ยนแปลงของวิธีการตลาดใหม่ๆ อย่างมั่นคง และทันสมัย การบาลานซ์ระหว่างการปรับสิ่งใหม่มาใช้บนหลักการและกลยุทธ์ เป็นสิ่งที่จะทำให้แบรนด์มีความหมาย มีคุณค่าบนโลกที่ทุกอย่างล้วนแข่งขันกัน เพื่อให้ตัวเองโดดเด่นมากที่สุด

วรสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การทำตลาดในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น นักการตลาดได้ปรับตัวเข้าสู่ยุค “Digital Marketing” ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคหลังวิกฤตโรคระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจอีกครั้ง ทั้งช่องทางการในเข้าถึงลูกค้า ปัจจุบันมีช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น แต่กลับเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ยากกว่าแต่ก่อน ซึ่งเกิดจากการที่แพลตฟอร์มต่างๆมีการเปลี่ยนแลงอัลกอริทึม รวมถึงการเกิดแพลตฟอร์มใหม่ ส่งผลให้ปัจุบันวิธีการกำหนดเป้าหมาย กลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงการวัดผลจากตัวเลขต่างๆต้องแตกต่างไปจากเดิม และเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำมากขึ้น (Precision Marketing)

“ท่ามกลางความไม่แน่นอน นักการตลาดต้องจับมือทำงานร่วมกันกับลูกค้ามากขึ้น เพื่อเข้าถึง Data ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในยุคนี้ ในขณะที่ฝั่งแบรนด์ มีทั้งความเชี่ยวชาญในสินค้าของตัวเอง และมี “Data” ของลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องทำงานร่วมกันกับฝั่งเอเจนซี ที่มีประสบการณ์จากหลากหลายธุรกิจ ด้วยเครื่องมือที่หลากหลายกว่า เมื่อนำความเชี่ยวชาญในธุรกิจของฝั่งแบรนด์มาช่วยในการวางกลยุทธ์จะมีโอกาสประสบความสำเร็จที่มากกว่า”

นอกจากนี้ ทั้งฝั่งแบรนด์และเอเจนซี ต่างมีจุดแข็งที่แตกต่างกันออกไป และไม่มีใครเก่งกว่าใครทั้งนั้น แต่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านยอดขาย ซึ่งจะนำมาสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง