เมื่อเวลา 16.05 น. วันที่ 2 ส.ค. 66 ที่อาคารไทยซัมมิท นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสส.ของพรรคก้าวไกล และภายหลังที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการไม่จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลนั้น หมายความว่าจะไม่โหวตให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ ว่า เรื่องการโหวตเราได้มีการประชุมสส.กัน จะได้มีการเปิดให้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ โดยในวันที่ 3 ส.ค.นี้ น่าจะมีการสรุปเป็นมติของพรรคอีกที

เมื่อถามว่า จากนี้ไปการทำงานกับพรรคเพื่อไทยจะสามารถร่วมงานกันได้หรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทยพร้อมจะผลักดันกฎหมายสำคัญที่เคยคุยไว้ใน MOU นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจว่า MOU ไม่มีอีกแล้วทั้ง MOU จาก 8 พรรค และ MOU ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ตอนที่เลือกประธานสภา ซึ่ง MOU ฉบับหลังส่วนสำคัญคือที่เคยตกลงกันว่าจะร่วมมือกันผลักดันกฎหมายหลายฉบับซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพและการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ซึ่งไม่มีอีกแล้ว อย่างไรก็ตามในฐานะสส.เราก็จะสามารถเสนอร่างกฎหมายและเสนอแนะมาตรการต่างๆที่เป็นประโยชน์กับประชาชนได้โดยหวังว่าสส.แม้ว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเดียวกันหากพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านหวังว่าสส.ฝั่งรัฐบาลจะเห็นชอบด้วย 

เมื่อถามว่า วันนี้พรรคก้าวไกลประกาศชัดหรือไม่ว่าจะสามารถเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่จบอย่างเป็นทางการ อย่างที่แถลงไปแล้วพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็จะทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรให้ดีที่สุดเพื่อผลักดันนโยบายของเราผ่านสภา ที่ผ่านมาในการเป็นฝ่ายค้านในสมัยที่แล้วแม้ว่าร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลจะไม่เคยผ่านสภา แต่ในสมัยนี้หวังว่าน่าจะมีหลายฉบับผ่านถ้าพรรครัฐบาลมองว่ามีประโยชน์ต่อส่วนรวม

เมื่อถามอีกว่าใน 8 พรรคร่วมจะมีพรรคไหนที่จะไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยหรือไปอยู่กับพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ทราบ เข้าใจว่าวันนี้แกนนำของพรรคเพื่อไทยได้แจ้งผลการพูดคุยกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเป็นรายพรรคไปแล้ว แต่ตนไม่ทราบว่าแต่ละพรรคมีท่าทีอย่างไรบ้าง

เมื่อถามอีกว่า พรรคเพื่อไทยมีการพูดคุยกับ 5 พรรคการเมือง แต่สุดท้ายไม่ได้มีข้อตกผลึก บอกว่าพรรคเพื่อไทยให้เกียรติพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายชัยธวัชย กล่าวว่า ตนคิดว่าเหตุผลที่แท้จริงเรื่อง มาตรา112 เป็นเพียงแค่ข้ออ้างฝ่ายการเมืองจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มอำนาจเก่าไม่ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล และหลายพรรคที่เคยแถลงร่วมกับพรรคเพื่อไทยก็พูดชัดเจนว่าไม่ต้องการที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลเพราะอุดมการณ์ทางการเมืองไม่ตรงกับพรรคก้าวไกล 

เมื่อถามถึงความรู้สึกของพรรคก้าวไกล ในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง ว่า ตนคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความบิดเบี้ยวของการเมืองไทย ซึ่งเราได้เคยพูดแล้วว่าปัญหาใหญ่ของการเมืองไทยในยุคสมัยนี้ คืออำนาจสูงสุดไม่ใช่ของประชาชน ซึ่งคงเป็นภารกิจของพวกเราที่จะผลักดัน เปลี่ยนแปลงอย่างสุดความสามารถ ให้การเมืองไทยกลับมาสู่ความปกติ ที่เสียงและอำนาจของประชาชนสำคัญที่สุด

เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยมีการรวมเสียงกับพรรคของสองลุง พรรคก้าวไกลจะมีท่าทีอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่าคงไม่เกี่ยวกับพรรคก้าวไกลแล้ว เพราะตอนนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลแล้ว 

เมื่อถามว่า ถือว่าจากกันด้วยดีหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า การพูดคุยเมื่อเช้านี้ เราเข้าใจซึ่งกันและกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่สส.หลายคนของพรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าอยากให้ 8 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จับมือกันอยู่ จะต้องมีการทำความเข้าใจกับสส.ของพรรคหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ตนคิดว่าทุกคนเข้าใจสถานการณ์ แต่หาก 8 พรรคจับมือกันแน่น เราก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดการพลิกขั้วรัฐบาลได้ แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจออกจากเอ็มโอยูแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลคงจะเป็นอีกแบบหนึ่ง

เมื่อถามว่า หากพรรคลุงเป็นฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลจะทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราเลือก พรรคที่ไม่ถูกเลือกให้ร่วมรัฐบาลก็ต้องมาเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีใครมีสิทธิเลือกซึ่งกันและกัน ไม่มีการจับขั้วพรรคร่วมฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า ใน 8 พรรคร่วมรัฐบาลมีพรรคใดบ้างที่จะร่วมเดินทางด้วยกันหลังจากนี้ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คุยกับพรรคอื่นเลย

เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่า หากเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้ จะอยู่ได้นานเท่าไหร่ หรือจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนแล้วยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ก่อนครบวาระ 4 ปี นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าถ้ารัฐบาลใหม่สามารถผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญใหม่ ผ่านทางส.ส.ร.ได้จริงๆ การเลือกตั้งก็น่าจะเกิดขึ้นหลังจากการบังคับใช้รัฐธรรมนูญใหม่ไม่นานและเป็นสิ่งที่สังคมคาดหวัง

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลพร้อมจะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ตามที่พรรคเพื่อไทยแถลงใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายๆพรรคก็ผลักดันอยู่แล้ว และเราคาดหวังว่าการจัดทำประชามติเพื่อให้มีส.ส.ร. เข้ามาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นวาระเร่งด่วน หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จ

เมื่อถามถึงความเห็นในกรณีนี้ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค นายชัยธวัชกล่าวว่า ขณะนี้นายพิธาอยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากอาการของไข้หวัดใหญ่หนักกว่าที่คิดไว้ จึงไม่ได้เข้าร่วมการประชุมสส.ของพรรคในวันนี้ แต่ส่วนตัวได้มีการพูดคุยกับนายพิธา ทางออนไลน์แล้ว และได้แจ้งให้นายพิธา ทราบภายหลังการประชุมร่วมกันกับพรรคเพื่อไทยแล้ว นายพิธาไม่ได้ให้ความเห็นอย่างไร เพราะเมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจเช่นนี้แล้ว เราคงไปเรียกร้องอะไรไม่ได้ พรรคพร้อมทำงานอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะในฐานะใด