ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากใครใช้เส้นทางผ่านไปมาบนถนนสายพังงา-ตะกั่วป่า หรือสายพังงา-ภูเก็ต ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนของทุกปี จะพบเห็นชาวบ้านนำผลไม้พื้นเมืองชนิดหนึ่งแขวนขายเป็นช่อสีส้มอย่างสวยงามอยู่สองข้างทาง เมื่อแวะเข้าไปสอบถามทำให้ทราบชื่อว่า “ลูกปุย”ซึ่งบางพื้นที่เรียกว่า “ลูกลังแข”ซึ่งเป็นผลไม้พื้นถิ่นของภาคใต้ ชาวบ้านจะขายเป็นช่อๆละ 1 กิโลกรัม ราคา 40-50 บาท ตามขนาดของผล เมื่อแกะออกจากเปลือกชิมดู พบว่ารสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยชวนกิน เป็นที่ติดอกติดใจของผู้ที่ผ่านทางไปมา แวะชื้อรับประทานเอง และนำไปเป็นของฝากอยู่เสมอ และส่วนใหญ่ต่างก็ไม่เคยเห็นและสงสัยว่าต้นลูกปุยจะเป็นแบบไหน 

   คุณทศพร ขมักการ เกษตรกรในพื้นที่อำเภอเมืองพังงา ได้นำผู้สื่อข่าวและเพื่อนๆไปเก็บลูกปุยที่กำลังสุก อยู่ที่ริมคลองชายป่าบ้านสองแพรก อ.เมืองพังงา และได้อธิบายว่า“ลูกปุย”หรือลูก “ลังแข” เป็นผลไม้พื้นเมืองที่พบมากอยู่ในป่า ลักษณะต้นและใบนั้นคล้ายกับต้นมะไฟ ลูกจะเป็นช่อๆไม่ใหญ่ เมื่ออ่อนจนแก่จะมีสีเขียวเข้ม ตอนสุกเปลือกจะมีสีส้ม มีความหนามาก เวลาปอกเปลือกจะพบเนื้อของลูกปุย ซึ่งมีสีขาวน่ากิน และจากการที่เนื้อของผลไม้ชนิดนี้มีความขาวนวลคล้ายปุยเมฆยามเช้ายามที่อากาศสดใส ชาวพังงาจึงเรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า “ลูกปุย” รสชาติจะมีทั้งหวานและหวานอมเปรี้ยว ในอดีตชาวบ้านใช้วิธีการเก็บลูกปุยในป่ามากินและขายเท่านั้น ปัจจุบันได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์มาปลูกในสวนด้วยวิธีการเสียบตายอด คือการปลูกต้นลูกปุยป่าแล้วเอายอดจากต้นที่เป็นพันธ์ดีมาเสียบ เพื่อให้ได้ลูกปุยที่มีขนาดใหญ่ ผลโตน่ารับประทานและรสชาติหวาน แต่ก็ยังไม่มีการปลูกเป็นล่ำเป็นสัน เป็นการปลุกแซมกับไม้ผลชนิดอื่นเท่านั้น โดยลูกปุยจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนกรกฎาคม–กันยายน ของทุกปี

  ลูกปุย หรือลูกลังแข  อยู่ในวงศ์เดียวกับมะไฟ ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูงได้เกินกว่า 10 เมตร ลำต้นใหญ่ตั้งตรง เนื้อไม้แข็งและเหนียว แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกว้าง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเป็นรูปใบหอกหรือรูปลิ่ม ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ใบมีขนาดใหญ่และยาวมาก สีเขียวสด เวลามีใบดกจะให้ร่มเงาดีมาก