ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท อยู่ในกรอบอ่อนค่าในช่วงต้นสัปดาห์ตามจังหวะขายสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ตลาดยังคงรอติดตามปัจจัยทางการเมืองของไทยอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี เงินบาทเริ่มดีดตัวกลับมาแข็งค่าในช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีปัจจัยบวกบางส่วนจากตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนมิ.ย. (ที่หดตัวน้อยกว่าคาดการณ์ของตลาด) และยังคงแข็งค่าได้ต่อเนื่องหลังการประชุมเฟด โดยแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 34.03 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย เพราะตลาดยังคงไม่ได้ให้น้ำหนักมากนักกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี แม้ท่าทีของประธานเฟดจะยังคงเปิดโอกาสสำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในระยะข้างหน้าเพื่อสกัดแรงกดดันเงินเฟ้อก็ตาม
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-4 ส.ค. 2566 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.50-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. BOE และ RBA สถานการณ์การเมืองไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ข้อมูลตลาดแรงงานเดือน ก.ค.ของสหรัฐฯ ดัชนี PMI เดือนก.ค. ของสหรัฐฯ จีน ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/66 และอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ของยูโรโซน
ส่วนความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นก่อนปิดหยุดยาว ทั้งนี้หุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบเกือบตลอดสัปดาห์ระหว่างรอติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศและผลการประชุมของเฟดอย่างใกล้ชิด ขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยอย่างหนักในช่วงต้นสัปดาห์ โดยเฉพาะหุ้นแบงก์ที่ผลประกอบการไตรมาส 2/66 ออกมาน่าผิดหวัง อย่างไรก็ดี หุ้นไทยดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายสัปดาห์ก่อนปิดหยุดยาวตามทิศทางหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากตลาดประเมินว่าเฟดใกล้จะยุติวัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว แม้ว่าเฟดจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. พร้อมส่งสัญญาณอาจขึ้นดอกเบี้ยอีกก็ตาม
สัปดาห์ที่ 31 ก.ค.-4 ส.ค.2566 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,520 และ 1,500 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,555 และ 1,570 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (2 ส.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์การเมืองในประเทศ ผลประกอบการไตรมาส 2/66 ของ บจ.ไทย ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนก.ค. ของสหรัฐฯ ดัชนี PMI เดือนก.ค. ของสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และยูโรโซน ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/66 และอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ของยูโรโซน