เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 26 ก.ค. 66 ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 10 ส.ค.นี้ มองว่าจะสามารถพิสูจน์กระบวนการยุติธรรม หรืออะไรในตัวของนายทักษิณได้บ้าง ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าจะมีกระบวนการอย่างไรแต่ก็คงไม่เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล และก็คงไม่เกี่ยวกับกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล นายทักษิณก็ยืนยันมาตลอดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว โดยหลักทั่วไปแล้วประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 

เมื่อถามถึงกระแสข่าว ว่ามีแกนนำพรรคก้าวไกลบินไปพบนายทักษิณที่ฮ่องกง จะมีการต่อรองเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่น่าจะใช่ ส่วนการเจรจาต้องรอการประชุมของ 8 พรรคร่วม ซึ่งทางพรรคเพื่อไทย ก็ได้รับภารกิจอยู่แล้ว ว่า เมื่อไปทำงาน หรือมีข้อเสนอใดที่เป็นรูปธรรม และได้ความคืบหน้าอย่างไร คงต้องรอการนัดประชุมอีกครั้งจากทางพรรคเพื่อไทย 

เมื่อถามย้ำว่า ไม่มีการเดินทางไปพบนายทักษิณ หรือไม่ทราบข้อมูล นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่น่าจะมีการคุยกันตามที่เป็นข่าว เมื่อถามต่อว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าพรรคก้าวไกล จะมีการพูดคุยกับนายทักษิณ หรือมีความจำเป็นที่จะต้องพูดคุยหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ตนคิดว่าขณะนี้ต้องใช้กลไกในการประชุมของ 8 พรรคร่วม และการประชุมร่วมกันของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก 

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเสร็จสิ้นก่อนที่นายทักษิณจะกลับมา นายชัยธวัชกล่าวว่าการกลับบ้านของนายทักษิณ ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีจังหวะเวลาอย่างไร 

เมื่อถามถึงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า นโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครอง ที่จะต้องมีการชี้แจงภายใน 15 วันหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องแล้ว และครบกำหนดในวันนี้ ขณะนี้มีรายละเอียดอย่างไรบ้างนายชัยธวัชกล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการอยู่ และได้ยื่นขอขยายเวลาในการชี้แจงไปแล้ว ซึ่งคงต้องรอว่าศาลรัฐธรรมนูญจะอนุญาตให้ขยายเวลาออกไปอีกกี่วัน 

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าในกรณีดังกล่าวจะนำไปสู่การยุบพรรค นายชัยธวัชกล่าวว่า คำร้องร้องให้ยุติการกระทำที่ถูกกล่าวหา ว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง อย่าคิดไปไกลถึงเรื่องนั้น แต่อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลจะต้องไม่ประมาท ซึ่งคงต้องประเมินถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด และป้องกันไว้ทุกทาง 

เมื่อถามถึงกรณีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ออกมาระบุว่า อาจจะสามารถหารือในที่ประชุมรัฐสภาเพื่อทบทวนมติการเสนอชื่อเลือกนายกฯ ซ้ำได้ แต่ให้ยึดตามการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร พรรคก้าวไกล จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายชัยธวัชกล่าวว่า เราไม่เห็นด้วยหากศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจเหนือรัฐสภา ยกเว้นในส่วนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจน ว่าอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ตรงไหน ดังนั้น จุดยืนของเราคือการนำเสนอทางออกให้กับสภา ว่าเมื่อมีความเห็นของสังคมว่ามติของรัฐสภาขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็น่าจะใช้กลไกของรัฐสภาในการแก้ปัญหาของตนเองได้ และควรใช้อำนาจของสภาเองในการแก้ไขปัญหานี้ ไม่เช่นนั้นเราที่ถือว่าเป็นตัวแทนของอำนาจอธิปไตย จะทำอะไรได้หรือไม่ได้ต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญทุกอย่าง มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น ซึ่งข้อเสนอในเรื่องนี้คงต้องเอาไปหารือกัน 

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกล จะมีโอกาสพลิกกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า คิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้หมด แต่สิ่งที่เราอยากจะผลักดันตอนนี้ คือควรจะมีการปลดล็อกมติซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำไม่ได้ หรืออาจจะทำได้ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก ในส่วนนี้จะเป็นเงื่อนไขที่บีบในการจัดตั้งรัฐบาลมีปัญหาได้ของ 8 พรรคร่วม ไม่ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคใดก็ตาม เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องของแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล พรรคเดียว 

เมื่อถามต่อว่า หากปลดล็อกเรื่องนี้ได้ พรรคก้าวไกล และ 8 พรรคร่วมฯ จะสามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซ้ำอีกครั้งหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน เบื้องต้นพรรคก้าวไกล ได้ส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล 

เมื่อถามว่า การประชุมร่วมกันของ 8 พรรคร่วมฯ จะมีการนัดหมายอีกครั้งเมื่อไหร่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ได้รับการประสานงานจากพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีการงดการประชุมสภาไปด้วย พรรคเพื่อไทยน่าจะต้องการระยะเวลาพอสมควร ที่จะนำข้อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของ 8 พรรคร่วมอีกครั้ง 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีการฉีกเอ็มโอยู พรรคก้าวไกล ยังคงย้ำจุดยืนเดิมหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ต้องรอในที่ประชุม สำหรับพรรคก้าวไกล จุดยืนเราชัดเจน ว่าพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปตามผลการเลือกตั้ง เมื่อถามย้ำว่า ยังมั่นใจใช่หรือไม่ ว่าจะไม่ไปถึงขั้นฉีกเอ็มโอยู นายชัยธวัชกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปประเมินแน่นอนการเมืองทุกอย่างเป็นไปได้ แต่ขอให้รอการประชุมดีกว่า 

เมื่อถามว่า เมื่อการเลื่อนประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตนายกฯ ถูกชะลอออกไป พรรคก้าวไกล จะช่วยหาเสียงสนับสนุนอย่างไร นายชัยธวัชกล่าวว่า เราพยายามพูดคุยกับสว. ที่เราสามารถคุยได้ ถึงความเป็นไปได้ที่จะโหวตให้แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย คงต้องช่วยๆ กัน เพราะการจัดตั้งรัฐบาลเป็นภาระหน้าที่ของเราทุกคน 

เมื่อถามถึงกรณีที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงลบกับพรรคก้าวไกล ได้มีการพูดคุยกันหรือไม่ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร นายชัยธวัชกล่าวว่า ยัง คงต้องเคารพความเห็นของทุกคน 

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกล ​และพรรคเพื่อไทย ยังมีความสัมพันธ์เป็น “ข้าวต้มมัด” อยู่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือความต้องการ และความคาดหวังจากประชาชน ที่อยากจะเห็นพรรคอันดับหนึ่งและอันดับสอง ซึ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน เพื่อยุติการสืบทอดอำนาจของขั้วอำนาจเดิม 

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า ควรรออีก 10 เดือนเพื่อให้สว.หมดวาระ ในทางปฏิบัติสามารถทำได้หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ในทางปฏิบัติทำได้ แต่อาจจะนานเกินไป อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า หาก 8 พรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคอันดับหนึ่งและอันดับสองจับมือกันแน่น รัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปได้ยากกว่ารัฐบาลเสียงข้างมาก