วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีรถยนต์ตกคูน้ำ บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ซอย 28 เมื่อวันนี้ที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า ถนนหลายสายเป็นของกรมทางหลวง เช่น แจ้งวัฒนะ รามอินทรา สุวินทวงศ์ วิภาวดีรังสิต พระราม2 ในส่วนถนนวิภาวดีรังสิตจุดเกิดเหตุ กรมทางหลวงมีโครงการทำคูน้ำ เพื่อการระบายน้ำดีขึ้น แต่ในระหว่างก่อสร้างอาจคาดไม่ถึงว่าจะมีน้ำท่วม ทำให้ผู้ใช้รถเข้าใจผิดไม่ทราบว่าตรงไหนเป็นคูน้ำตรงไหนเป็นถนน จากการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณซอยวิภาวดีรังสิต 28 บริเวณทางเลี้ยวเข้าซอยมีแบริเออร์ป้องกันไว้ แต่บังเอิญน้ำท่วมจึงมองไม่เห็น จึงได้สั่งการในส่วนพื้นที่ของกทม.ให้ป้องกันอีกหลายจุดที่ยังมีความเสี่ยงอยู่ โดยเฉพาะจุดที่มีความเสี่ยงน้ำท่วมสูง เช่น ตั้งแต่เซนทรัลลาดพร้าวถึงดินแดงทั้งสองฝั่ง รวมถึงสั่งการให้ติดไฟแจ้งเตือนผู้ใช้ถนนด้วย

 

ด้านนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.ได้เข้มงวดกวดขันพื้นที่และโครงการของกทม.โดยเฉพาะโครงการที่มีผลกระทบต่อการจราจร ในส่วนการระบายน้ำบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตลอด เพราะระหว่างก่อสร้างมีการกั้นน้ำ และการใช้เครื่องสูบน้ำ อย่างไรก็ตาม ต้องดูพยากรณ์อากาศควบคู่ไปด้วย

 

นายชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การกองวัสดุมีส่วนทำให้เกิดปัญหา เพราะตอนน้ำไม่ท่วมยังพอมีทางให้น้ำระบายได้ แต่การกองวัสดุริมทางจำนวนมาก เมื่อน้ำท่วมก็อาจชะเอาวัสดุลงไปในท่อได้ กทม.มีนโยบายไม่ให้กองวัสดุในพื้นที่สาธารณะ ต้องมีพื้นที่จัดเก็บต่างหาก ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้ำท่วมจนแยกไม่ออกว่าตรงไหนคือคู ตรงไหนคือถนน เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุรถตกคูเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา

 

นอกจากนี้ ได้กำชับทุกหน่วยงานให้ความเตรียมการดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ ฝเมืรอเกิดเหตุน้ำท่วม โดยเฉพาะกองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง ให้เตรียมความพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะ รวมถึงเครื่องจักร เพื่อการปฏิบัติงานรวมทั้งเจ้าหน้าที่เทศกิจ จัดรถรับส่งประชาชนกลับที่พัก ส่วนประเด็นทางด่วนพระราม 2 เกิดรอยร้าว กทม.ต้องทำงานเชิงรุกควบคู่กับกรมทางหลวงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้