วันที่ 24 ก.ค.66 นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ "พุทธะอิสระ" อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก"หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" ระบุข้อความว่า...
ฝันไปหรือเปล่าเด็กน้อย
มีคนถามมาว่า พรรคก้าวไกลจะเล่นบทยื้อเวลาเพื่อให้ สว. สิ้นสภาพตามรัฐธรรมนูญที่กำหนด แล้วค่อยรวมแปดพรรค จัดตั้งรัฐบาล
จึงอยากบอกว่า เป็นความฝันของเด็กน้อยที่ไม่รู้ประสาอะไรเลย ไม่รู้แม้กระทั้งว่า ตัวเองยังมีคดีติดอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญถึง 2คดี
หรือรู้ แต่คิดว่า ใครก็ทำอะไรกูไม่ได้ เพราะกูมีพลังด้อมส้มคอยหนุนหลังอยู่
อยากบอกพรรคเด็กน้อยว่า ต่อให้พยายามยื้อเวลาเพื่อรอให้ สว. สิ้นสภาพ แต่ความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน ที่วันคืนผ่านพ้นไปโดยไม่มีอะไรคืบหน้าจากผู้ที่อาสาเข้ามาแก้ปัญหาให้แก่พวกเขา แต่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล โดยไม่สนใจความทุกข์ยากเดือดร้อนของประเทศชาติ
ไหนจะเกิดจากไม่มีรัฐบาลเสนอขออนุมัติงบประมาณ จากรัฐสภาที่ยังไม่สามารถมีรัฐบาลได้
ไหนพวกนักลงทุนจะชะลอการลงทุน เพราะไม่มั่นใจในนโยบาย
นักท่องเที่ยวไม่มั่นใจต่อนโยบายของรัฐบาลและสวัสดิภาพของการเข้ามาในเมืองไทย
ภาคแรงงานและผู้ประกอบการ ก็ยืนอยู่บนความไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าจะปลดคนงานออกเมื่อไหร่ ส่วนคนงานก็ไม่รู้ว่าจะตกงานหรือไม่
การจับจ่ายใช้สอยก็ต้องกะเหม็ดกะแหม่ มัธยัสถ์ ประหยัด ไม่กล้าซื้อ ไม่กล้าจ่าย มีแต่คนขายของ แต่ไม่มีคนซื้อของ
ทุกอย่างที่มันควรจะขับเคลื่อนไปข้างหน้ากลับต้องมาสะดุด หยุดอยู่กับความเห็นแก่ตัวของพวกนักการเมือง และพรรคการเมือง ที่จะจัดตั้งรัฐบาล
นี่แหละธรรมชาติ สันดานของพวกเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของคน ๑๔ ล้านเสียง
ใครที่ไปเลือกมันเข้ามาจะรับผิดชอบอย่างไร
ทีนี้ลองหันมาดูว่า ความเพ้อฝันที่พรรคก้าวไกลจะพยายามยื้อเวลาจนกว่า สว. จะหมดอายุตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้
แล้วแปดพรรคเดิมที่ทำเอ็มโอยู ค่อยร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลมันทำได้จริงหรือไม่
พรรคเด็กน้อยคงจะลืมไปแล้วว่า เมื่อถึงเวลาที่ สว. หมดอายุการทำหน้าที่ไปแล้วนั้น พวกตนจะอยู่ในสภากันหรือเปล่า
เพราะนอกจากคดีถือหุ้นสื่อแล้ว ยังมีคดีที่มีโทษหนักกว่าอีก 1คดี ที่ค้างอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ คือ คดีร่วมกันล้มล้างการปกครอง ซึ่งมีโทษหนักถึงกับติดคุกและยุบพรรค ตัดสิทธิ์การเล่นการเมือง 10 ปี
แล้วเช่นนี้จะไม่เรียกว่า มโน เห็นแก่ประโยชน์ตัวเองแล้วจะเรียกว่าอะไร
คนที่ขยันคิดแต่เรื่องชั่วๆ ก็จักมองไม่เห็นต้นสายปลายเหตุที่ตนทำเอาไว้ วันๆ ก็ร่ำร้อง เพ้อฝัน แต่ผลรับที่ตนอยากได้ เหมือนกับเด็กที่ร่ำร้องอยากได้ของเล่น
พอไม่ได้ดังใจก็ฟูมฟาย โวยวาย โทษนั่นโทษนี่แต่ไม่เคยโทษตนเองเลย
คนพวกนี้ไม่รู้ว่าพ่อแม่เขาสอนกันมาอย่างไร
พุทธะอิสระ