เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 24 ก.ค. 66 นายอนุสิษฐ คุนากร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการเลือกนายกรัฐมนตรี ว่าขณะนี้เป็นกระบวนการของสส. ซึ่งสว.นั้นมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว สส.เองก็มีบทบาทหน้าที่ได้กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ อย่าไปคิดว่าสส.นั้นเป็นพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรืออย่าไปคิดว่าสว.นั้นมาจากเผด็จการขอให้พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งสว.เองก็มีหน้าที่ตัดสินใจ และการตัดสินใจของสว.นั้น มีรัฐธรรมนูญรองรับอยู่ ว่าจะต้องตัดสินใจภายใต้เงื่อนไข รักษาชาติ รักษาอธิปไตย และรักษาสถาบันหลักของชาติ ที่มีกำหนดไว้อยู่ในรัฐธรรมนูญ โดยประชาชนได้ทำมอบฉันทามติ ทำประชามติให้เราเข้ามาผ่านรัฐธรรมนูญ ปี2560 ตนจึงอยากทำให้ประชาชน เพื่อนร่วมชาติ ไม่ว่าจะเป็นด้อมส้ม คนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง หรือเป็นคนที่ใส่เสื้อทุกๆ สี นั้นล้วนเป็นคนไทยทั้งสิ้น บ้านเมืองจะเจริญก้าวหน้าต่อไปได้ไหม ตนมองว่าเป็นเรื่องของความสงบเรียบร้อยเอกภาพ และบูรณภาพของสังคมไทย เป็นเรื่องที่สำคัญ

นายอนุสิษฐ กล่าวต่อว่า ตนเองในฐานะที่เคยเป็นอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในการทำหน้าที่เหล่านี้ ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องของความต้องการของชาติบ้านเมือง และผลประโยชน์ของชาติ เป็นเรื่องที่สำคัญ ส่วนเรื่องการแสดงออกเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่หากเป็นการแสดงออกที่ก่อให้เกิดความไม่สงบ เรื่องของการทำความผิดต่อกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกหลานที่เป็นเยาวชน เราต้องอบรมกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยที่มีการเคลื่อนไหวมีเงื่อนไขอะไรบ้าง เช่นการปฏิบัติตามกฎหมาย การเป็นพลเมืองที่ดี ไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน ใช้สิทธิเสรีภาพ แต่ต้องไม่ไปกระทบสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ซึ่งเป็นหลักของประชาธิปไตยอยู่แล้ว

"การอ้างประชาธิปไตย โดยเฉพาะการเลือกตั้งอย่างเดียวนั้น ผมคิดว่าไม่แฟร์กับประเทศชาติ ผมจึงเห็นด้วยว่าประชาชนมีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง และก็เชื่อว่าพรรคการเมืองที่จะเข้ามาบริหารประเทศ เขาก็จะต้องเอาเสียงประชาชน ทั้ง 14 ล้านเสียง หากพรรคก้าวไกลเข้ามาร่วมรัฐบาลได้ การขับเคลื่อนในส่วนนั้นก็จะดำเนินการได้ แต่หากพรรคก้าวไกลไม่ได้ร่วม ผมไม่เชื่อว่าพรรคการเมืองชุดใหม่ จะไม่เอานโยบายของพรรคก้าวไกลมาดำเนินการ ซึ่งสิ่งที่ทำได้ก็เป็นประโยชน์ของประชาชนทั้งสิ้น" นายอนุสิษฐ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่ที่สว. ออกมาให้ความเห็น ว่าอยากให้การโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค.ที่จะถึงนี้ เลื่อนออกไป นายอนุสิษฐ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของประธานสภา และพรรคที่ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล ทางสว. ไม่มีอำนาจหน้าที่ในส่วนนี้ แม้แต่การเสนอและการรับรองบทบาทของสส. ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทบาทของสว. เรื่องนี้เป็นเรื่องของสส. โดยตรง 

นายอนุสิษฐ ยังกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่หากไม่มีพรรคก้าวไกลจะทำให้จัดตั้งรัฐบาลได้ง่ายขึ้น ว่า ก็เป็นข่าวที่ทราบเท่าๆ กับทุกคน เรื่องนี้พรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องนำไปพิจารณา 

เมื่อถามต่อว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการผลักพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน และมีมวลชนจำนวนหนึ่งแสดงปฎิกิริยาความไม่พอใจ ภายหลังจากพรรคเพื่อไทย มีการพูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จนเกิดความวุ่นวายนายอนุสิษฐกล่าวว่า ตนเองมีความเข้าใจพลังของประชาชน ความเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้นโยบายของพรรคก้าวไกลตามที่พรรคก้าวไกลได้หาเสียงไว้ แต่ตนไม่เชื่อว่า หากไม่มีพรรคก้าวไกลแล้ว การเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างได้สะท้อนสิ่งที่เป็นปัญหาของชาติบ้านเมืองจากหลายมิติ โดยเฉพาะจากพรรคก้าวไกลที่กล้ามอง และกล้านำเสนอ ซึ่งเป็นประโยชน์ แต่ไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ประชาชนต้องเข้าใจ เพราะประชาธิปไตยมีสองมุม ส่วนนึงหากได้เป็นรัฐบาล ก็จะได้เข้าไปบริหารประเทศ แต่หากได้เป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องเข้าไปทำหน้าที่ตรวจสอบการยื่นข้อเสนอความต้องการของรัฐบาล ในฐานะเสียงจากประชาชนได้อยู่ดี

เมื่อถามถึงความกังวล ในส่วนของมวลชน หากพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วมีความกังวลในเรื่องเหล่านั้นแน่นอน สำหรับบุคคลที่ทำหน้าที่ดูแลบ้านเมือง โดยเฉพาะราชการ เพราะการเคลื่อนไหวของมวลชน เป็นการเคลื่อนไหวของลูกหลานเรา เยาวชนเรา พี่น้องเรา เพื่อนร่วมชาติเรา ดังนั้น การเคลื่อนไหวเหล่านั้น ในระบอบประชาธิปไตย และการไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ แต่อย่าทำให้ชาติบ้านเมืองเกิดวิกฤตทางสังคม และเกิดความไม่สงบสุข ซึ่งสุดท้ายแล้วคนที่ต้องรับผิดชอบ คือผู้หลักผู้ใหญ่ เด็กๆเยาวชน ได้อธิบายและสร้างความเข้าใจ ในกระบวนการทางประชาธิปไตย เพราะกระบวนการที่แท้จริง ไม่ใช่การเอาชนะเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลเท่านั้น ในอดีตเราเคยมีพรรคฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง และในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็ได้เห็นศักยภาพของพรรคก้าวไกลที่ทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง ซึ่งประชาชนได้รับประโยชน์มาโดยตลอด สส.หลายคนของพรรคก้าวไกลเป็นบุคคลที่มีศักยภาพเป็นคนรุ่นใหม่ มีเวลา แม้ประสบการณ์จะน้อย แต่ก็ควรนำประสบการณ์จากอดีต อย่าหลงลืม และละเลยการสร้างชาติของพวกเราทุกคน 

เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยกันในสว. อีกครั้งหรือไม่ นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ส่วนตัวตอบแทนทุกคนไม่ได้ แต่สิ่งที่เห็นในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีความคิดเห็นที่เหมือนกันในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะม.112 บทบาทและทิศทางการปกครองตัวเองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กฎหมายอาญาระหว่างประเทศ เป็นเรื่องที่ประชาชนหลายส่วนยังไม่เข้าใจ ว่าในท้ายที่สุดแล้ว เรามีผลได้ผลเสียอย่างไร และประเทศชาติจะมีผลกระทบอะไรบ้าง