“ชลน่าน” ย้ำ เชิญพรรคการเมืองพูดคุยยัง ไม่ถึงจัดตั้งรัฐบาล ยันทำตามมติ 8 พรรคร่วม ไม่คิดยืมปากเขี่ย "ก้าวไกล"  ลั่น ไม่ลืมคำพูดตัวเองลาออกหากจับมือ "2 ลุง" แต่ขอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อน  “วราวุธ” ย้ำจุดยืน ชทพ.ไม่ร่วมกับพรรคแก้-ยกเลิกม.112-ทัศนคติเชิงลบสถาบัน บอกถ้าต้องร่วม ยินดีเป็นฝ่ายค้าน
 
วันที่ 23 ก.ค.เมื่อเวลา 14.45 น.ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ  และเลขาธิการพรรคฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคฯ พร้อมด้วยนายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคชาติไทย นายประภัตร โพธสุธน ส.ส.สุพรรณบุรี และเลขาธิการพรรคฯ นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค นายอนุชา สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม รองหัวหน้าพรรค และนายพาณุวัฒน์ สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม ร่วมกันแถลงข่าวหลังหารือ

โดยนพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นการหารือเกี่ยวกับการหาแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติ เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้รับมอบภารกิจของพรรคก้าวไกล ในการทำหน้าที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่พรรคก้าวไกลแต่งตั้งนายกฯไม่ได้  พรรคเพื่อไทยภายใต้การร่วมมือของ 8 พรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลได้มีมติร่วมกันของ8 พรรคร่วมฯ ที่มอบหมายกำหนดแนวทางให้พรรคเเพื่อไทยดำเนินการในการแสวงหาเสียงสนับสนุนในรัฐสภาคือ 1. ไปหาเสียงจากสว.และ 2 ให้เพื่อไทยหาแนวทางหาเสียงเพิ่มจากพรรคการเมืองอื่น ซึ่งแนวทางนี้พรรคเพื่อไทย เห็นว่าเป็นแนวทางที่สำคัญ เราจึงเชิญพรรคการเมืองต่างๆที่มีอยู่ในสภาฯมาพบปะพูดคุยเพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ ได้แสดงความคิดเห็นกับการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้ 8 พรรค ว่ากรณีที่เราจะได้รับเสียงสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นการเลือกนายกฯหรือตั้งรัฐบาล แต่ละพรรคมีแนวคิดอย่างไร เพราะเราทราบข่าวจากสื่อถึงจุดยืนของแต่ละพรรค จึงได้เชิญมาพูดคุยสอบถาม

“วันนี้ขอบคุณพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ให้เกียรติเพื่อไทยอย่างดียิ่ง ขอเน้นย้ำว่าเราใช้แนวทาง 8 พรรครา่วมฯ  ไม่ใช่เป็นการเชิญมาจัดตั้งรัฐบาล แต่หาแนวทางว่าเราจะจัดตั้รัฐบาลได้อย่างไร" นพ.ชลน่าน กล่าว

นายวราวุธ กล่าวว่า ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้เกียรติเชิญพรรคชาติไทยมาหารือ ซึ่งจริงๆการพูดคุยกันวันนี้เป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนของชาติไทยพัฒนา ที่เราพูดไว้ตั้งแต่การเลือกตั้ง ว่าการทำงานร่วมกัน ไม่ว่ามิติใด แนวทาง แนวนโนยายต้องไปในแนวทางเดียวกัน จุดหนึ่งที่สำคัญคือการทำงานเทิดทูลพระมหากษัติรย์​ ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่เราพูดกันต้องไม่แตะ ไม่ยกเลิกมาตรา112  ตลอดจนทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นถ้าแนวทางของพรรคใด ที่มีแนวทางเดียวกับชาติไทยพัฒนา เราสามารถาพูดคุยกันได้ แต่หากมีพรรคการเมืองใดที่มีแนวทางแตกต่างไปจากนี้ และมีความเห็นไม่ตรงกับเรา ก็แยกย้ายกันทำงาน 

“ยืนยันไม่มีการพูดคุยถึงการจัดตั้งรัฐบาล หากพรรคเพื่อไทยมีแแนวทางคล้ายกับพรรคชาติไทยพัฒนา ถ้าหากมีเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ พวกเราชาติไทยพัฒนาก็ยินดีที่จะสนับสนุน แต่จะต้องไม่มีพรรคการเมืองใดที่มีแนวคิดแตกแยกออกไป ก็คงจะต้องแยกย้ายกันทำงาน”นายวราวุธ กล่าว

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคก้าวไกล มีแนวทางลดการแก้มาตรา112 จะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ด้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า  ตนพูดมาตลอดว่าสิ่งที่สำคัญคือหากพรรคการเมืองใดมีทัศนคติในเชิงบวก ตนคิดว่าเราสามารถพูดคุยกันได้ แต่ถ้าทัศนคติเป็นลบก็ไปด้วยกันไม่ได้  

เมื่อถามย้ำว่าถ้าไม่มีพรรคก้าวไกล จะโหวตให้เพื่อไทยหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาเราไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ถ้าทำงานร่วมกันต้องมีทัศนคติและนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน และถ้าเพื่อไทยเสนอ แคนดิเดตนายกฯ เรายินดีที่จะสนับสนุน

เมื่อถามว่า เราประเมินทัศนคติของพรรคก้าวไกลที่มีต่อสถาบันอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า ชาติไทยพัฒนาเราก็ประเมินได้ในระกับหนึ่ง แต่คิดว่าพี่น้องประชาชนสามารถประเมินได้ในระดับหนึ่ง เดี๋ยวจะหาว่าชาติไทยพัฒนามีอคติอย่างนั้นอย่างนี้

ต่อข้อถามว่า เท่าที่ฟังการตลอด 2 วัน ดูเหมือนไม่เอาพรรคที่แก้มาตรา 112 แม้แต่ทัศนตดิ เหมือนกดดันพรรคก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้าน  นายวราวุธ กล่าวว่า การทำงานร่วมกันต้องไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าทำงานแล้วไปคนละทางก็ไปไม่รอด และตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่เขยื้อนจากจุดนี้เลย เราพูดตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. เรายินดีเป็นฝ่ายค้าน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ถ้าจะทำงานด้วยต้องมีแนวคิดและนโยบายที่ตรงกัน

ขณะที่นพ.ชลน่าน ตอบคำถามนี้ว่า คำตอบที่ได้จากการหารือทั้งหมด เราจะนำไปเข้าสู่กระบวนการพิจารณาใน8พรรคร่วม ว่าแต่พรรคร่วมจะเห็นอย่างไร อยู่ตรงนั้นมากกว่า 

เมื่อถามว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถามว่าพรรคเพื่อไทยจะเอาอย่างไรรกันแน่กรณีการนำพรรคอื่นมาหารือ เหมือนบีบให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเราทำงานไม่มีลับลมคมใน ที่เราทำเพื่อพรรคก้าวไกล ส่งมอบภารกิจให้เรา ตามมติของ 8พรรคร่วม ทำตามข้อเสนอ 3 ข้อที่ให้มา เราทำงานตามนั้น เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดเป็นกระบวนการ ถ้าถามว่าพรรคเพื่อไทยเอาอย่างไรแน่ ก็ต้องหลังจากเราทำงานเสร็จเรียบร้อย และสว.ที่เราทำงานอยู่ ตอบชัดเจน และสส.ตอบทุกพรรค เราจะนำเข้าสู่ 8 พรรคร่วม คำตอบอยู่ตรงนั้น เพื่อไทยก็จะเอาคำตอบจากตรงนั้น 

เมื่อถามว่า มีสว.เสนอเลื่อนวันโหวตนายกฯวันที่ 27 ก.ค.ออกไป นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การเลื่อนวัน ซึ่งเป็นการประชุมร่วมรัฐสถา มี 3 ฝ่าย ที่จะเสนอต่อประธานรัฐสภา ว่ามีความจำเป็นต้องเลื่อนการประชุมหรือไม่ เลื่อนเพราะอะไร  

ต่อข้อถามถึงกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าพรรคเพื่อไทยไม่ควรนำเอาพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐเข้ามาร่วม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ความเห็นของสส.ในสื่อนั้นเป็นเสรีภาพของแต่ละคน เราเองไมได้ปิดกั้น ถ้าปิดกั้นไม่ออกมาแบบนี้แน่  ถามจะดำเนินการอย่างไร เราจะดูว่ามีผลกระทบอย่างไร ถ้าเป็นเชิงบวกก็ดี ถ้าลบก็ต้องมาพูดคุยกัน

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะนำข้อหารือของพรรคการเมืองต่างๆ ไปหารือกับ 8 พรรคร่วม หาก 8 พรรคร่วมไม่เห็นด้วยจะปัดตกสิ่งที่ดำเนินการ 2 วันนี้ แล้วให้ 8 พรรคร่วมยังคงอยู่ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป้าหมาย 8 พรรคร่วมอยู่ที่เสียงสมาชิกรัฐสภา 375 เสียง ถ้า 8 พรรคร่วมปัดตกข้อเสนอของ สส. และสว.ที่เรามาหารือ 8 พรรคร่วมก็จะกอดกัน โดยมีเสียงอย่างมาก 324 เสียง เป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาร่วมกันว่าจะได้ 375 เสียงได้อย่างไร ถ้า 8 พรรคร่วมยังอยู่แล้วได้ 375 เสียงก็จบ

เมื่อถามว่า น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ออกมาระบุถึงกรณี นพ.ชลน่าน เคยบอกจะออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หากไปร่วมกับพรรคสองลุง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนจำที่เคยพูดได้ตลอด ยิ่งขณะนี้เผยแพร่ในโซเชียลเยอะมากยิ่งจำได้ดี และเหตุการณ์ขณะนั้นคือเหตุการณ์จริง ไม่ปฏิเสธ แต่ถามว่าจะมีเหตุการณ์ข้างหน้า รอให้สถานการณ์จริงมันเกิด แล้วจะพิจารณาต่อ และจะตอบคำถามแน่นอน

เมื่อถามถึงกรณีพรรคก้าวไกลตั้งข้อสังเกตพรรคเพื่อไทยทำข้ามขั้นตอนของ 8 พรรคร่วม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องถามว่าพรรคก้าวไกลที่พูดคือ พูดในนามอะไร ในนามสมาชิก หรือตัวแทน หรือในนามกรรมการบริหารที่เจรจาร่วมกับเรา มันมีก้าวไกลหลายมุม ต้องให้ชัดตรงนี้ เพราะเราเองชัดเจนว่าคณะเจรจาพรรคก้าวไกล ที่มีเลขาธิการพรรคและรองหัวหน้าพรรค ได้กำหนดแนวทางมา 3 ข้อ และการที่เราเชิญพรรคการเมืองต่างๆ มาไมได้พูดคุยจัดตั้งรัฐบาล เป็นเพียงการสอบถาม แนวคิดต่างๆ ในการที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เป็นการทำงานคู่ขนานทั้ง สส.และสว. เพราะเวลามันน้อย

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม 8 พรรค มีการหยิบยกชื่อพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามาพูดคุย เราก็เสนอกันในที่ประชุม บางคนยังแย้งชื่อพรรคการเมืองบางพรรคว่าเขาลำบากใจ แต่อย่างไรก็ต้องพูดคุย เพราะเป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยในการดำเนินการ ที่ประชุมพูดอย่างนั้น มีบันทึกการประชุม ดังนั้น เราต้องดูว่าพรรคก้าวไกลที่พูดเป็นเพียงสมาชิกหรือคนที่มีอำนาจตัดสินใจ