นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อวันที่ 21 ก.ค.66 ตอน "ใกล้แล้ว?" ระบุว่า การโหวตนายกฯ มาถึงทางตันและใกล้จะเกิดเรื่องแล้ว เหลือเพียงพรรคเพื่อไทยผิดสัญญากับประชาชน กล้าทิ้งพรรคก้าวไกล เพื่อย้ายขั้วตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้ประชาชนเดือดดาล ลงสู่ถนนแสดงพลังต่อต้านรัฐบาลตระบัดสัตย์
นายจตุพร เห็นว่า พรรคก้าวไกลแถลงส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น ดูเหมือนส่งเผือกร้อนไปใส่มือมากกว่า เพราะช่วงหาเสียงนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ประกาศว่า มีลุงไม่มีผม ซึ่งหมายถึงไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับ พปชร.และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกเช่นกันว่า ถ้าจับมือกับ พปชร.จะลาออกจากหัวหน้าพรรค
ขณะที่พรรคฝ่ายข้างน้อย 188 เสียง ทั้ง ภูมิใจไทย พปชร. ชาติไทยพัฒนา และ รทสช. พร้อมกับ สว.จำนวนหนึ่ง พากันประกาศเป็นเสียงเดียวกันว่า มีก้าวไกลไม่มีเรา คือ ไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลนั่นเองส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กลับเรียกร้องว่า เมื่อเรือใกล้ล่มกลางทะเล คนหนุ่มสาวต้องเสียสละให้คนแก่ได้ไปก่อน อย่างไรก็ตาม การเสียสละคือการรักษาประชาธิปไตย อีกอย่างคนหนุ่มสาวอาจหมายถึงพรรคก้าวไกลต้องเสียสละให้ตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้น จึงสะท้อนว่า บัดนี้การโหวตนายกฯ และการตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคมาถึงทางตันแล้ว แต่ไม่ยอมรับความจริงกัน ยังกระเสือกกระสนจะเป็นนายกฯ ให้ได้
นอกจากนี้ นายจตุพร เป็นห่วงว่า เมื่อเพื่อไทยข้ามขั้ว ประชาชนจะออกมาเต็มถนน ถ้าประกาศแก้ไข ม.112 ยิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายออกมาเผชิญหน้า จึงหวั่นสถานการณ์จะรุนแรงเหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งจะให้ประเทศมาเสี่ยงแบบนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าถึงทางตันไปต่อไม่ได้ ต้องหาทางคุยกันเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
ขอบคุณ:รายการประเทศไทยต้องมาก่อน