ภาพเครื่องบินเจ็ท ที่จอดสนามบิน เกาะลังกาวี มาเลเซีย ถูกเปิดออกมาในรายการ “หมาแก่” เพื่อตอกย้ำ “ดีลลับ ลังกาวี” ที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เคยออกมาปูด เมื่อ 28 พ.ค.2566 เรื่องดีลลับของคนสำคัญที่บินไปพบเจรจา กับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร
ก่อนที่ในวันเดียวกัน ภาพ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผบ.ทบ. และรองเลขาธิการ สนว. ในชุดไปรเวท พร้อมด้วย “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ที่สนามบินลังกาวี และนายทหารฝ่ายเสธ. ถูกเปิด ในเพจ CSi LA ที่ยิ่งตอกย้ำ เรื่องดีลลับ ดีลเลิฟที่ชูวิทย์ เปิดออกมา ก่อนหน้านี้
เพราะย่อมเกิดคำถามว่า พล.อ.อภิรัชต์ ไปทำไม และ มี พล.อ.เฉลิมพล ไปด้วย และนั่งเครื่องเจ็ท ของกรมแผนที่ทหาร ไป ก็ย่อมเป็น งานราชการแต่อาจเกิดข้อสงสัยว่า พล.อ.อภิรัชต์ เกี่ยวข้องอะไร กับ มิชชั่น ของ พล.อ.เฉลิมพล จนทำให้คอการเมือง เชื่อตามกระแสข่าวลือที่ ชูวิทย์ ปูดออกมา นั้นไปโดยอัตโนมัติ
อีกทั้ง พล.อ.อภิรัชต์ ก็มีชื่อในข่าวลือต่างๆ ทางการเมือง มาต่อเนื่องในฐานะ น้องรัก ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผนวกกับ บทบาท ที่ชัดเจน และการแสดงออก ตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ. ที่ต่อต้าน ขบวนการล้มเจ้า มาตลอด
แม้แต่ความเคลื่อนไหวของ ชูวิทย์ ในทางการเมือง ก็ยังมีข่าวลือ พาดพิงมาถึง พล.อ.อภิรัชต์ เสมอๆ เพราะสนิทสนมกัน แต่ในที่สุดการณ์ก็ปรากฏว่า ชูวิทย์ เดินเอง คิดเอง ในเรื่องการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.อภิรัชต์ แม้ว่า พล.อ.อภิรัชต์ จะไม่ได้ออกมาชี้แจง แก้ข่าวก็ตาม
แต่กระนั้น ด้วยความสนิทสนม กับ พล.อ.อภิรัชต์ ก็ทำให้ คำพูดของ ชูวิทย์ ในเรื่องต่างๆ จึงถูกจับตามอง ว่า เป็นข่าววงใน หรือไม่ เพราะแม้จะไม่ได้คุยกับ พล.อ.อภิรัชต์ แต่ก็อาจรู้ความเคลื่อนไหว จากคนรอบตัว พล.อ.อภิรัชต์ หรือไม่ จึงทำให้ ชูวิทย์ ล่วงรู้ว่า พล.อ.อภิรัชต์ บินไปลังกาวี แม้จะเป็นการรู้ช้า เพราะเพิ่งปูดข่าว หลัง พล.อ.อภิรัชต์ เดินทางกลับมาแล้ว เกือบเดือน แต่อาจจะไม่รู้ว่า ไปภารกิจใด
แต่ด้วย บทบาท ของ พล.อ.อภิรัชต์ น้องรักบิ๊กตู่ จึงทำให้นายชูวิทย์ เชื่อมโยงในทางการเมือง อีกทั้ง ในการรับรู้ของสังคมไทย และคอการเมือง จดจำได้ว่า 2 อดีตนายกฯ พี่น้อง คือ ทักษิณ และ นส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปเที่ยว ปีนัง มาเลเซีย กัน
แต่หากยัอนดูไทม์ไลน์ จะพบว่า อดีตนายกฯ 2 พี่น้อง ไปเที่ยวปีนัง ตั้งแต่ ปลาย ก.ย. 2565 ขณะที่ พล.อ.อภิรัชต์ เดินทางไป ลังกาวี เมื่อ 5-7 พ.ค.2566 เรียกได้ว่าข้ามปีเลย
อีกทั้ง ในช่วง พ.ค.2566 ก็ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ว่าเดินทางมา ลังกาวี แต่อย่างใด แต่มีภาพ ออกโซเชียลว่าอยู่ที่อังกฤษ
อาจด้วยเพราะ กำลังจะมีการเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 ประกอบกับ ทักษิณ ประกาศจะกลับไทย จึงทำให้ถูกเชื่อมโยงว่า มี ดีลลับ เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ บิ๊กดีล ของ ทักษิณ กับ พล.อ.ประวิตร เท่านั้นแต่ ทักษิณ ยังมี ซูปเปอร์ดีลกับ ตัวแทน พล.อ.ประยุทธ์ และ ผู้มีอำนาจ ด้วย จึงยิ่งทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ ถูกจับตามอง
โดยเฉพาะเมื่อปรากฏภาพ ที่สนามบินลังกาวี นั่งเจ็ท B350 RTARF 311 ไปเกาะลังกาวี จึงทำให้คอการเมือง เชื่อในกระแสข่าวลือ นั้นไปแล้ว
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อมีภาพปรากฏออกมาแบบนี้ และถูกเชื่อมโยงกับการเมือง การจัดตั้งรัฐบาล สูตรผสมข้ามขั้ว ของพรรคเพื่อไทยกับ พรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม จนทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.อ.เฉลิมพล ต้องแก้ข่าว แต่ก็ไม่ต้องการจะ ให้สัมภาษณ์ หรือแถลงข่าว แต่ได้เล่าข้อมูล ให้ทีมงาน มาแจ้งสื่อ
โดยชี้แจงว่า พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.อ.เฉลิมพล ไม่ได้บินไปลังกาวี เพื่อพบ ทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ดีลลับ ใดๆ ในทางการเมือง
แต่ไปนัดพบกับแกนนำขบวนการ บีอาร์เอ็น. เพื่อเปิดช่องทางเจรจา ดับไฟใต้ ในอีกทางหนึ่ง เพราะการเจรจาแก้ปัญหา ที่ทำกันมานั้น หยุดชะงักลง ขณะที่สถานการณ์ รุนแรงขึ้น
ต้องไม่ลืมว่า เมื่อเกิดการสูญเสียในชายแดนภาคใต้ จากเหตุรุนแรง จะมีความช่วยเหลือพระราชทาน ทั้งเรื่อง การรับคนเจ็บ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ รวมถึงงานศพ ที่สำคัญ มีมาลาหลวงพระราชทาน และหากเป็น มุสลิม ก็จะพระราชทานดินฝังศพ
ที่เห็นได้ชัดคือ องคมนตรี ได้สลับสับเปลี่ยนกัน เดินทางลงไปติดตามการแก้ปัญหา ให้กำลังใจ ประชาชน พร้อมความช่วยเหลือต่างๆ และถุงพระราชทาน และ การไปเยี่ยมทหารบาดเจ็บ อันสะท้อนถึง ความห่วงใย ในปัญหา 3 จ.ชายแดนใต้ และเสด็จฯไป ปัตตานี เยี่ยมราษฎร และ พระราชทานรางวัล การอ่านคัมภีร์ อัลกูอ่าน ทุกปี พล.อ.อภิรัชต์ ในฐานะที่เป็นทหารเก่า อดีต ผบ.ทบ. ที่ปัจจุบัน ปฏิบัติหน้าที่ รองเลขาฯ สนว. จึงไม่อาจนิ่งเฉยต่อปัญหาชายแดนใต้ ในฐานะที่ เคยทำงาน ในชายแดนภาคใตั ตั้งแต่สมัยเป็น รอง ผบ.ร.11 รอ. ลงไปอยู่ที่ยะลา และติดตาม เรื่องนี้มาตลอด มีแหล่งข่าว สายข่าว ที่ดูแล ติดต่อกันอยู่ รวมทั้ง สายข่าว ในมาเลเซีย
ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ ต้องพยายามที่จะมาช่วยเหลือ ในการแก้ไขปัญหา อีกทางหนึ่ง
จึงมีการนัดหมาย หารือกับ แกนนำกลุ่มเคลื่อนไหว ที่อยู่ในมาเลเซีย ให้ไปเจอกันที่มาเลเซีย โดยมีรายงานว่า ในการพูดคุย ทางแกนนำขบวนการฯ ไม่ได้ต้องการ แบ่งแยกดินแดน แต่ต้องการการปกครองพิเศษ และมีหลายข้อเสนอ ที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหา
แต่ภารกิจนี้ ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะไปพบหารือใน มาเลเซีย แบบส่วนตัว
ดังนั้น พล.อ.อภิรัชต์ จึงมาช่วยอีกแรงโดยไม่ต้องการก้าวก่ายจึงทำแบบเงียบๆ แต่เมื่อภาพหลุด จึงต้องเปิดเผยมิชชั่น
แต่ในทางการเมือง ก็มีการตรวจสอบว่า ภาพ และเอกสารหลุด ได้อย่างไร โดยมีการจับจ้องไปที่ ฝ่ายการเมือง เพราะเอกสารไฟล้ท์บิน ที่จะต้องเป็นคนในแวดวง การบินด้วย และหวังผล เชื่อมโยง กับการเมือง