เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 19 ก.ค. 66 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล จะถือเป็นญัตติซ้ำหรือไม่ ว่า หากมีการเสนอสอบถามว่าเป็นญัตติซ้ำหรือไม่ 8 พรรคร่วมเห็นว่าไม่ได้เป็นข้อบังคับที่ 41 เป็นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญสามารถเสนอชื่ออีกครั้งได้ 

เมื่อถามว่า วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องของนายพิธา กรณีถือหุ้นไอทีวี พรรค พท. กังวลในเรื่องนี้หรือไม่นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีสมาชิกพรรคสอบถามเรื่องนี้ในที่ประชุมพรรค พท. ว่ากรณีหากมีคำวินิจฉัยศาลออกมาจะมีผลกับการโหวตวันนี้หรือไม่ ซึ่งตนตอบไปชัดว่าหากเป็นแค่รับคำร้องยังไม่ได้วินิจฉัยถึงที่สุด เราจะถือว่านายพิธา มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามสามารถเสนอชื่อ และให้ความเห็นชอบได้ 

เมื่อถามว่า สว.หลายคนมั่นใจว่าชื่อนายพิธา ไม่สามารถโหวตวันนี้ได้ 8 พรรคจะโต้แย้งหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่าไม่โต้แย้งเป็นความเห็นของแต่ละท่าน ถ้าประธานในที่ประชุม อนุญาตให้ญัตติตีความข้อบังคับเข้าเราก็ยึดตามนั้นและถ้าเสียงข้างมากบอกว่าเป็นญัตติซ้ำ ก็ไม่ได้รับการโหวตนายกฯก็ต้องยอมรับ 

เมื่อถามว่า หากสุดท้ายแล้วที่ประชุมให้ความเห็นว่าเป็นญัตติซ้ำ พรรค พท. พร้อมเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสินประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯพรรค พท. หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีแผนการนี้ 

เมื่อถามถึงกรณีที่สว. ออกมาระบุว่า หากพรรค พท. เป็นแกนนำแล้ว แต่ยังมีพรรคก้าวไกลร่วมด้วย ก็จะไม่ออกเสียงเห็นชอบว่า นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนไม่อยากคิดล่วงหน้า เป็นเพียงความเห็นของสว. บางคน จะเป็นทั้งหมด หรือไม่ตนไม่รู้ ทำได้เพียงแต่รับฟัง 

เมื่อถามย้ำว่าพรรค พท. เป็นแกนนำแล้วสามารถดึงเสียงสว. ได้ใช่หรือไม่ แม้จะมีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นกระบวนการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องรอข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ และความเห็นพ้องของ 8 พรรคร่วม โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลมีความเห็นอย่างไร ถ้าทำตามที่นายพิธาแถลงไว้มันถึงจะไปตรงนั้นได้ และจะตอบได้ว่าพรรค พท. พร้อมหรือไม่พร้อมในการหาเสียงสว.

เมื่อถามว่า การจะหาเสียงสส.พรรคที่ 9 หรือ 10 เข้ามาเพิ่มเติม พรรค พท. ต้องชัดเจนก่อนใช่หรือไม่ว่าได้เสียงสว.เท่าไร นพ.ชบน่าน กล่าวว่า ด้วยความเคารพ เรื่องพรรคที่ 9 ที่ 10 เป็นการตอบคำถามที่สื่อถามว่า หากพรรค พท. เป็นแกนนำจัดตั้งแล้ว ต้องทำตามเอ็มโอยูเดิม ที่จะให้พรรคอันดับสองเป็นแกนนำ เขาก็ถามว่าจะเปลี่ยนเอ็มโอยูหรือไม่ ตนก็ตอบไปว่าหากพรรค พท. เป็นแกนนำเอ็มโอยูเดิมเขียนทุกอย่างขึ้นต้นว่าก้าวไกลก็ต้องเปลี่ยนแปลง และสิทธิของพรรคแกนนำจะต้องหารือกับ 8 พรรคร่วม ว่าพรรคแกนนำมีสิทธิหาเสียงเพิ่มได้ขนาดไหน ถ้ามีสิทธิหาเสียงเพิ่มได้ เช่นดึงพรรคอื่นเข้ามา ก็ต้องเปลี่ยนเอ็มโอยู ตนตอบทำนองนี้ไม่ได้ไปรื้อ หรือไปปรับอะไร 

เมื่อถามว่า จะเกิดรัฐบาลข้ามขั้วหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่ขอตอบประเด็นนั้น ส่วนจะมีโอกาส หรือไม่มีโอกาสขอให้ประเด็นวันนี้เป็นที่ปรากฎก่อน และคำแถลงของ 8 พรรคร่วมปรากฎก่อน ตนไม่ทราบอะไรทั้งนั้น