วันที่ 19 ก.ค. 66 ที่รัฐสภา นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม กล่าวถึง ความพยายามใช้ข้อบังคับรัฐสภา ข้อที่ 41 ที่อาจถูกตีตกญัตติเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ในวันนี้ โดยยืนยันว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด ไม่สามารถนำข้อบังคับมาอยู่เหนือรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้น หากมีการเสนอเรื่องนี้ พรรคเป็นธรรมจะใช้ข้อมูลในการอภิปรายตอบโต้
หากในท้ายที่สุดไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาได้ นายกัณวีร์ กล่าวว่า การจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นต้องมีการหารือกันของ 8 พรรคการเมือง ร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่ ณ เวลานี้ ทั้ง 8 พรรค ยังคงยืนยันที่จะเสนอชื่อนายพิธา หากไม่สามารถเสนอได้จริง ก็จะต้องรอประธานรัฐสภาบอกถึงแนวปฏิบัติ ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
นายกัณวีร์ มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความพยายาม สกัดกั้นไม่ให้ 8 พรรคการเมืองจะตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งมีความพยายามมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ 8 พรรคจะไม่หวั่นและสู้ต่อไป เพราะจะยืนเคียงข้างประชาชนเดินหน้า ทำตามฉันทามติของประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีที่สว.ยืนยันว่าการจัดตั้งรัฐบาลต้องไม่มีพรรคก้าวไกลรวมอยู่ด้วย นายกัณวีร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะสมการในการจัดตั้งรัฐบาลมีเพียงสมการเดียว คือสมการของฉันทามติพี่น้องประชาชน 14 ล้านเสียงที่มอบให้พรรคก้าวไกล ก็บอกชัดเจนอยู่แล้ว และเมื่อมารวมกับ 8 พรรคร่วม จึงถือเป็นฉันทามติของพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ดังนั้น จึงมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลพอสมควร
เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกล ต้องพลิกไปเป็นฝ่ายค้าน นายกัณวีร์ กล่าวว่า พรรคเป็นธรรม ก็มีจุดยืนเดียวกันที่จะยืนเคียงข้างกับพรรคก้าวไกล แล้วไปเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน