เมื่อวันที่ 18 ก.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความว่า

“ปิดสวิตช์ประชาชน

ประชาชนสนใจเรียนรู้การเมืองไทย การโหวตนายกฯ

ถามผมทุกวี่ทุกวัน “พิธาจะได้เป็นนายกฯ ไหม?”

ให้ลองอ่านดังต่อไปนี้ เพราะขณะนี้การเมืองพลิก เปลี่ยนแปลงทุกวัน แต่เท่าที่นิ่งแล้ว คือ

- การเลือกตั้งไม่ใช่การตัดสินว่าใครได้เป็นรัฐบาล แม้ได้คะแนนเสียงจากประชาชนมากสุด ยังเป็นฝ่ายค้านได้

ดังนั้นการเลือกตั้งจึงเป็นเพียงพิธีกรรมของคนไทยที่ออกไปใช้สิทธ์ลงคะแนนเสียง

- การจับมือจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลของ 8 พรรค เป็นละครที่ถูกบังคับแสดงให้ประชาชนดู ดังนั้นดูได้ แต่อย่าไปหลงเชื่อ

- ก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านในที่สุด ไม่มีรักแท้ทางการเมือง แต่มือใครยาวสาวได้สาวเอาต่างหาก

- เพื่อไทยจะขึ้นมาเป็นแกนนำพลิกข้ามขั้ว แม้เสนอให้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่หากยังมีก้าวไกลอยู่ ก็ไม่ผ่าน ส.ว.

ชีวิตจริงต้องดูกันยาวๆ ไม่ใช่หนังตลก

- มีการจัดเตรียมสลับพลิกขั้วรัฐบาลโดยเพื่อไทยเป็นแกนนำ และประสบความสำเร็จ

โดยผ่านเสียง ส.ว.

- ภูมิใจไทยจะได้ร่วมรัฐบาล และได้กระทรวงคมนาคม กับสาธารณสุขเหมือนเดิม ส่วนพลังประชารัฐจะได้มหาดไทย

เป็นเรื่องจริงอีกเรื่องที่บอกไปก็คงไม่เชื่อ

- ก้าวไกลได้ประสบการณ์ว่า การมี ส.ส. ใหม่ และเร็วเกินคาดทำให้การตัดสินใจผิดพลาด

ตั้งแต่เรื่อง ม. 272 หรือการไปเจรจากับประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา ให้ร่วมรัฐบาล

- นายกฯ จะเลือกได้ในรอบ 3 ผ่าน ส.ว. ฉลุย ดูรอบ 2 ก็ทราบแล้ว

- การจัดตั้งรัฐบาลจะเสร็จภายในเดือนสิงหาคม แต่หน้าตาไม่ใช่แบบที่ประชาชนส่วนมากต้องการ และเห็นแต่แรกในวันจับมือ 8 พรรคเซ็น MOU

- ยุบพรรคมีแน่ เป็นแผนต่อเนื่อง เตรียมตั้งพรรคใหม่ไว้รอ ชื่อพรรคอนาคตไกล

การเมืองหลายเรื่องคนไม่เชื่อ แต่เวลาจะพิสูจน์ว่ามันเป็นเรื่องจริง

อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน เพราะไม่มีใครพูดความจริงเบื้องหลัง

ตอนนั้นบอกว่าไม่มี “ดีลลับ” มีแต่ “ดีลรัก”

แต่ตอนนี้กลายเป็น “ดีลลวง” ไปแล้ว

ผมพูดไปไม่มีวัตถุประสงค์เชียร์ หรือทำลายใคร แต่ต้องการให้ประชาชนรู้เท่าทันการเมือง

แม้ว่าเบื้องหลังบางอย่างผมจะไม่สามารถพูดได้หมด แต่หากเดาจากสิ่งที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ประชาชนที่ติดตามคงทราบ

อย่าไปคิดมาก ประเทศไทยยังอยู่ที่เดิมบนแผนที่โลกไม่ได้ไปไหนครับ”