ปัจจุบัน อุตสาหกรรมฟินเทคยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลก และสตาร์ทอัพต่างๆ ได้ให้ความสนใจ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ที่มียักษ์ฟินเทคเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงในประเทศไทย อุตสาหกรรมฟินเทคเองก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม
DeeMoney ฟินเทค ผู้เชี่ยวชาญด้านการ โอนเงินต่างประเทศ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในอุตสาหกรรมฟินเทคในประเทศไทยจึงได้เดินหน้าตอบโจทย์การ โอนเงินต่างประเทศ “โอนวันนี้ พรุ่งนี้ได้” ซึ่งได้ใช้ความเชี่ยวชาญในการดำเนินการโอนเงินจากประเทศไทยสู่ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ด้วยราคา และเวลาเพียงเสี้ยวหนึ่งของกระบวนการดั้งเดิม เพื่อตอบโจทย์ความรวดเร็วตามความต้องการของผู้ใช้บริการนั้นเอง ในส่วนค่าธรรมเนียมก็ได้คิดตามอัตราคงที่ ที่ 125 บาท และไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงอีกด้วย และด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ได้ช่วยให้ต้นทุนอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Margin) ของลูกค้า ลดลงเหลือ 1-2% ต่อรายการ จากปกติที่ 3-7% หรือช่วยลูกค้าประหยัดราว 5-7%
บริษัทแรกในไทยที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนิน การโอนเงินต่างประเทศ
DeeMoney เป็นหนึ่งในฟินเทคที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะเป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเจ้าแรกในไทย นอกเหนือจากธนาคารที่ได้รับการอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้ดำเนินการโอนเงินระหว่างประเทศ และบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือ การโอนเงินต่างประเทศ โดยในปัจจุบันได้ดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลา 6 ปี นับตั้งแต่ได้ใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อปี 2560
ขณะเดียวกัน บริษัทแม่ของ DeeMoney หรือ SawasdeeShop ได้รับรางวัล Non-Bank International Money Remittance Service License, Money-Exchange License และ the E-Payment License จากธนาคารกลางในปี พ.ศ. 2560 อีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งการันตีว่า DeeMoney นั้น เป็นบริษัทฯ ด้านฟินเทค อันดับ 1 ในเรื่อง การโอนเงินต่างประเทศ
สำหรับ DeeMoney นั้นปัจจุบันได้เดินหน้าต่อยอดจากการเป็นเพียงผู้ให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศไปสู่การเป็นฟินเทคแพลตฟอร์มเซอร์วิส ด้วยการให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศที่ครอบคลุมกว่า 180 ประเทศทั่วโลก และรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศถึง 34 สกุล โดยให้บริการทั้งที่สาขาต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพปริมณฑล ไปจนถึงบริการบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน “ดี มันนี่” นับเป็นนวัตกรรมสุดล้ำด้านการโอนเงินระหว่างประเทศที่ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในด้านความคุ้มค่าที่สุด และโอนเงินได้ครอบคลุมประเทศทั่วโลกมากที่สุดแห่งยุค
ขณะที่ด้านภาคธุรกิจ DeeMoney ได้มีการบริการ โอนเงินต่างประเทศอย่าง DeeMoney for Business หรือเรียกกันง่าย ๆ ว่า DeeBusiness ซึ่งรองรับการใช้งานขององค์กรธุรกิจในประเทศไทย โดยที่ยังคงมีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายของ DeeMoney ได้ทั่วโลก เพื่อให้ระบบมีคุณสมบัติเทียบเท่าหรือดีกว่าธนาคารได้ โดยเน้นที่เทคโนโลยีและความรวดเร็ว และคิดค่าธรรมเนียมเพียง 499 บาท
โดยบริการ DeeBusiness จะทำให้ผู้ประกอบการ SME ได้ประโยชน์และประหยัดมากขึ้น เพราะจะได้อัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าธนาคาร ระยะเวลาในการทำธุรกรรมจะลดลงจาก 3-5 วันเหลือเพียง 1 วัน “โอนวันนี้ พรุ่งนี้ได้” ทำให้มีเงินหมุนเวียนเร็วขึ้น การันตีว่าถ้าโอนวันนี้ จะได้รับเงินในวันรุ่งขึ้น และยังทราบอัตราแลกเปลี่ยนที่ได้รับ ระบุค่าธรรมเนียมชัดเจนก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง ช่วยให้ลูกค้าสามารถระบุจำนวนเงินที่ต้องจ่ายไปยังปลายทางได้ง่ายขึ้น โดย DeeMoney จะเป็นผู้รับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนให้ทั้งหมด
เดินหน้าสร้าง Customer Experience ด้วย คอนเซปต์ ‘โอนดี’
ปัจจุบัน DeeMoney ได้เดินหน้าวิสัยทัศน์ของบริษัทคือต้องการที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานธุรกิจฟินเทคเพื่อการจ่ายเงินข้ามพรมแดนที่เข้าถึงลูกค้าได้ในวงกว้างขึ้น DeeMoney สามารถทำทุกอย่างนี้ได้โดยการพัฒนาแพลตฟอร์มที่สามารถใช้ได้ผ่านโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้น เพื่อสนับสนุนการสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งรอบโลกที่เต็มไปด้วยพันธมิตรในระดับภูมิภาคที่ให้ความมั่นใจในการโอนเงินระหว่างประเทศจากประเทศไทยได้อย่างรวดเร็วและโปร่งใส
ด้านกลยุทธิ์สำหรับลูกค้า DeeMoney ได้วางแบรนด์คอนเซปต์สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้สอดคล้องกับการพัฒนาแพลตฟอร์ม มุ่งเน้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องต้นทุนทางการเงิน (Financial Literacy) และสร้างประสบการณ์ที่ดี (Customer Experience) ให้แก่ลูกค้าด้วยคอนเซปต์ ‘โอนดี’ หรือ ‘Owndee’ ผ่าน 3 USPs ที่สำคัญคือ เรทดี ไวดี และง่ายดี พร้อมเพิ่มบริการที่ นอกเหนือจากบริการโอนเงินระหว่างประเทศ เพื่อต่อยอดสู่การเป็น NeoBank อันดับ 1 ของประเทศไทย
โดย DeeMoney ตั้งเป้าชัดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ พร้อมรุกสู่การเป็นอันดับ 1 ผู้ให้บริการด้านการโอนเงินระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านมูลค่า ประสบการณ์ในการใช้บริการ และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินแบบไร้พรมแดนของบุคคลธรรมดาและผู้ประกอบการอย่างแท้จริง’